Hybristophilia หรืออาการคลั่งไคล้ ฆาตกรอำมหิต เป็นอาการทางจิตวิทยาประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นความหลงใหลหรือความรู้สึกดึงดูดต่อบุคคลที่เคยก่ออาชญากรรมรุนแรงหรือการกระทำผิดศีลธรรม อาการนี้มักถูกกล่าวถึงในกรณีของฆาตกรต่อเนื่องหรือผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมโด่งดัง ซึ่งคนที่มีอาการนี้ อาจมองว่าผู้ก่อเหตุมีเสน่ห์ น่าสนใจ หรือทรงพลัง อาการนี้สามารถแสดงออกได้ในหลายรูปแบบ เช่น การเขียนจดหมายถึงผู้ต้องขัง การขอแต่งงาน หรือการสนับสนุนผู้ก่อเหตุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมเอา 5 สาวผู้ที่หลงรัก ฆาตกรโหดอำมหิต part 1 แต่ตะมีใครบ้าง ตามไปดูกันค่ะ
ฆาตกรอำมหิต : Angelo Buono Jr. และ Christine Kizuka (1986)

แอนเจโล่ บัวโน จูเนียร์ (Angelo Buono Jr.) เป็นหนึ่งใน ฆาตกรอำมหิต ที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นหนึ่งใน “Hillside Stranglers” ฆาตกรคู่ที่สังหารผู้หญิงและเด็กหญิงในลอสแอนเจลิสระหว่างปี 1977-1978 ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องของเขา Kenneth Bianchi คดีของพวกเขาสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งเมืองในช่วงเวลานั้น
ในปี 1986 ขณะที่ แอนเจโล่ถูกจำคุกตลอดชีวิตในเรือนจำเนื่องจากการฆาตกรรมหลายราย ชีวิตของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อเขาได้พบกับ คริสติน คิซูคา (Christine Kizuka) ผ่านการติดต่อในลักษณะที่ฆาตกรที่ถูกคุมขังบางรายนิยม นั่นคือการเขียนจดหมายหาแฟนหรือผู้สนับสนุนจากภายนอก เธอเริ่มเขียนจดหมายถึงเขาและสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับ Buono ซึ่งน่าแปลกใจที่เธอสามารถมองข้ามการกระทำที่โหดร้ายของเขาและเชื่อในตัวตนที่เขาแสดงออกผ่านจดหมาย

ในที่สุดพวกเขาก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน แม้เขาจะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแต่การแต่งงานได้เกิดขึ้นในห้องเล็กๆ ภายในเรือนจำโดยมีเจ้าหน้าที่เป็นสักขีพยาน ไม่มีญาติหรือเพื่อนของทั้งสองคนมาร่วมงานแต่งงาน และการแต่งงานนี้ได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและสาธารณชน หลายคนมองว่าเป็นเรื่องผิดธรรมชาติที่หญิงสาวธรรมดาจะยอมใช้ชีวิตกับฆาตกรต่อเนื่องนั่นเอง
Kenneth Bianchi และ Shirlee Joyce Book (1989)

เคนเนธ เบียนคิ (Kenneth Bianchi) เป็นหนึ่งใน ฆาตกรอำมหิต ที่มีชื่อเสียงในคดี “Hillside Stranglers” ซึ่งเขาร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องของเขา แอนเจโล่ บัวโน จูเนียร์ ในการลักพาตัว ทำร้ายร่างกายและสังหารผู้หญิงและเด็กหญิงในลอสแอนเจลิสช่วงปี 1977-1978 ความโหดร้ายของพวกเขาก่อให้เกิดความหวาดกลัวทั่วทั้งเมือง และนำไปสู่การจับกุมและตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต
ในปี 1989 ขณะที่เคนเนธถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ ได้พบกับ เชอร์ลี จอยส์ บุ๊ค (Shirlee Joyce Book) แม่หม้ายที่อาศัยอยู่ในรัฐหลุยเซียนา ผ่านจดหมาย โดยเธอสนใจในเรื่องราวชีวิตของเขาและต้องการเข้าใจตัวตนของชายที่ถูกตัดสินในข้อหาฆาตกรรมอย่างโหดร้าย ทั้งสองเริ่มเขียนจดหมายหากันและสร้างความสัมพันธ์ทางจิตใจที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เธออ้างว่าเธอเชื่อในความไร้เดียงสาของเคนเนธและมองเห็นเขาในมุมที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่สังคมมอง

ในปี 1989 พวกเขาตัดสินใจแต่งงานกัน โดยพิธีแต่งงานจัดขึ้นในเรือนจำโดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นสักขีพยาน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสังคมเหมือนกับคู่อื่นๆ ผู้คนจำนวนมากมองว่า เชอร์ลลีถูกหลอกลวงหรืออาจมีความผิดปกติทางจิตวิทยาที่ทำให้เธอหลงรักชายที่เป็นฆาตกร โดยต่อมาเธอได้ปกป้องการตัดสินใจของเธอ โดยกล่าวว่าเธอมองเห็นด้านที่ดีในตัวของเคนเนธและเชื่อว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตในเรือนจำก็ตาม
ฆาตกรอำมหิต : Richard Ramirez และ Doreen Lioy (1996)

ริชาร์ด รามิเรซ (Richard Ramirez) เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของสหรัฐอเมริกา เขาได้รับฉายาว่า “The Night Stalker” เนื่องจากการก่อเหตุในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งสร้างความหวาดกลัวอย่างมากในรัฐแคลิฟอร์เนียช่วงปี 1984-1985
หลังจากการจับกุมและพิจารณาคดี ริชาร์ดถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำซานเควนติน (San Quentin State Prison) โดยมีการเปิดเผยว่าคณะลูกขุนผู้หญิงคนหนึ่งในศาลได้ยอมรับว่าเธอตกหลุมรักในความมีเสน่ห์ของ ในขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในแดนประหาร สิ่งที่น่าสนใจในชีวิตของริชาร์ดในเรือนจำคือความสัมพันธ์กับ ดอรีน ลีออย (Doreen Lioy) นักข่าวหญิงที่หลงใหลในตัวเขาอย่างมาก Doreen ส่งจดหมายหาริชาร์ดกว่า 75 ฉบับในช่วงเวลาที่เขาถูกคุมขัง ทั้งสองเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์และในปี 1996 พวกเขาแต่งงานกันในเรือนจำ

ดอรีนยืนยันว่าเธอเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของริชาร์ด และมองว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยนและน่าหลงใหล ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้รับความสนใจจากสื่อและสร้างความตกตะลึงให้กับสังคม แม้ว่าริชาร์ดจะถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีที่โหดร้ายอย่างชัดเจน
ฆาตกรอำมหิต : Oscar Ray Bolin และ Rosalie Martinez (1996)

ออสการ์ เรย์ โบลิน (Oscar Ray Bolin) เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆาตกรรมผู้หญิง 3 รายในรัฐฟลอริดาช่วงปี 1986 เขาได้รับโทษประหารชีวิตเนื่องจากความโหดร้ายของการกระทำที่เขาก่อไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ชีวิตของออสการ์จะถูกกำหนดให้จบลงภายในเรือนจำ แต่ในปี 1996 เรื่องราวความรักที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเขาได้พบกัน โรซาเลีย มาร์ติเนส (Rosalie Martinez) ซึ่งเป็นนักกฎหมายผู้ให้คำปรึกษาในด้านคดีอาญา และยังเป็นผู้หญิงที่มีครอบครัวมาก่อน
โรซาเลียเธอบอกว่า เธอได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของออสการ์ที่ต่างจากภาพลักษณ์ของฆาตกรที่สังคมรับรู้ เธออ้างว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์และมีความเฉลียวฉลาด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจากการพูดคุยเชิงอาชีพ และค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักและทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจแต่งง่านกันในที่สุด

แต่ชีวิตหลังแต่งงานของเธอไม่เพียงโดนวิจารณ์และการเป็นกระแสสังคมในเชิงลบ เพราะเธอไม่เพียงเป็นนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบยุติธรรม แต่ยังตัดสินใจผูกพันชีวิตของเธอกับฆาตกรที่มีโทษประหารชีวิต ท้ายที่สุดเธอยังคงทำงานเพื่อพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของออสการ์ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อให้มีการพิจารณาคดีใหม่และพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนร้ายในคดีที่เขาถูกตัดสิน อย่างไรก็ตาม คำอุทธรณ์ของเธอไม่ประสบผลสำเร็จ และออสการ์ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษในเดือนมกราคม 2016 ที่ผ่านมา
ฆาตกรอำมหิต : Bobby-Lee Harris และ Dagmar Polzin (1999)
บ็อบบี้ ลี แฮร์ริส (Bobby-Lee Harris) เป็นชายที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีเหตุฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในสหรัฐอเมริกา เขาถูกจำคุกในเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าเขาจะเป็นนักโทษที่ถูกสังคมประณาม แต่ในปี 1999 เรื่องราวความรักที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ ดักก์มาร์ โพซิน (Dagmar Polzin) หญิงสาวชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในเมืองฮัมบูร์ก ได้พบกับบ็อบบี้และกลายเป็นคู่รักที่สร้างความตกตะลึงให้กับคนทั่วโลก

โพซินเธอเป็นนักศึกษาศิลปะผู้มีบุคลิกอ่อนโยนและชอบช่วยเหลือผู้อื่น เธอพบกับบ็อบบี้ผ่านโครงการแลกเปลี่ยนจดหมายระหว่างผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนกับนักโทษในเรือนจำ Dagmar เริ่มเขียนจดหมายถึงบ็อบบี้เพื่อให้กำลังใจและช่วยให้เขารู้สึกมีคุณค่าในชีวิต ในจดหมายเธอได้พูดถึงเรื่องราวชีวิตของเธอและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ขณะที่บ็อบบี้แบ่งปันความรู้สึกและเรื่องราวในอดีตของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจากมิตรภาพและค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก ดักก์มาร์กล่าวว่าเธอเห็น “ด้านที่อ่อนโยน” ในตัวบ็อบบี้และเลือกที่จะมองข้ามการกระทำที่เลวร้ายในอดีตของเขามากกว่า
และนี่ก็คือ เรื่องราวของ 5 ฆาตกรอำมหิต ที่เราชาว ghostsfolder ได้นำมาฝาก บอกได้เลยว่า ทั้ง 5 ฆาตกรที่เราได้ยกมาในพาร์ทแรกได้กลายเป็นศูนย์กลางความรักของสาวๆ ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ ที่แม้ว่าสังคมจะมองว่าการหลงใหลในผู้กระทำความผิดร้ายแรงนั้นผิดธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์เหล่านี้ ความรักอาจไม่ได้ถูกนิยามด้วยศีลธรรมหรือความเหมาะสม หากแต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและมุมมองส่วนตัวที่ยากจะเข้าใจในมุมมองของคนทั่วไป เจอกันในบทความหน้า part 2 อย่าลืมติดตามนะคะ