6 6 6 เป็นเลขที่มีความหมายทางวัฒนธรรมและศาสนาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งมักถูกเชื่อมโยงกับความชั่วร้ายและซาตาน เลขนี้ปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์ไบเบิล โดยเฉพาะในหนังสือวิวรณ์ (Revelation) ซึ่งเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของพันธสัญญาใหม่ บทที่ 13 ข้อที่ 18 ระบุว่า “นี่แหละคือปัญญา ผู้ใดมีสติปัญญาให้คำนวณหมายเลขของสัตว์ร้าย เพราะเป็นหมายเลขของมนุษย์ หมายเลขของมันคือ 6 6 6” เราเลยจะพาทุกคนไปรู้ จุดกำเนิดของ เลข 666 หมายเลขแห่งความชั่วร้ายที่ว่ากันว่าเป็นเลขของซาตาน จะมีเรื่องราวเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย
จุดกำเนิดของ เลข 666 ที่ใครก็ว่ามันป็นเลขของซาตาน
6 6 6 เป็นตัวเลขที่มีความสำคัญมากทั้งในศาสนาและวัฒนธรรมของชาวคริสต์ทั่วโลก ในพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึง เลข 666 ว่า “ให้ทุกคนจงทำเครื่องหมายที่แสดงว่าเครื่องหมายนี้คือเลขของคนและเลขของเขาคือ 6 6 6” ซึ่งเลขนี้ก็มักถูกตีความว่าเป็นเลขของจิตใจหรือไม่ก็เป็นเลขของความชั่วร้าย บางครั้งก็ถูกนำไปใช้ในบางสถานการณ์เพื่อทำนายถึงเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เลข 6 6 6 ยังมีตำนานที่ลึกลับและก็มีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับปีศาจซาตานที่เป็นแหล่งกำเนิดความชั่วร้ายทั้งมวลของโลกตามความเชื่อของชาวคริสต์ ทำให้เลขนี้เป็นที่น่าสนใจในหลายวัฒนธรรม เพื่อที่จะเอาไปสร้างบรรยากาศและยกให้เลขนี้เป็นตัวแทนของความลึกลับและความชั่วร้ายทั้งปวง โยฮันน์ เวเยอร์ (Johann Weyer
) นายแพทย์ชาวดัตช์ นักลัทธิพิธีและนักปีศาจวิทยาที่เป็นหนึ่งในผู้ที่เขียนหนังสือต่อต้านการประหารแม่มดคนแรกๆ ที่ได้ตีพิมพ์งานเขียนหลายเล่มที่เกี่ยวกับปีศาจ เวทมนตร์และแม่มด แต่หนังสือที่สำคัญที่สุดโด่งดังที่สุดขอเวเยอร์คือ Pseudomonarchia Daemonum: The False Monarchy of Demons ซึ่งเขียนขึ้นในปี 1583 เป็นฐานานุกรมปีศาจที่บ่งบอกลำดับชั้นตำแหน่งยศและมีรายชื่อปีศาจ 69 ตน อีกทั้งยังมีลักษณะ รูปร่าง หน้าที่และพลังของปีศาจแต่ละตนรวมไปถึงวิธีการเลี้ยง วิธีการควบคุมและวิธีการป้องกันตัวจากปีศาจเหล่านั้นด้วยซึ่งในนี้ก็มีการกล่าวถึง เลข 666 โดยเวเยอร์เขาใช้เป็นตัวเลขของจำนวนกองปีศาจที่ระบุเอาไว้ว่าปีศาจทั้งสิ้นมีทั้งหมด 44,435,622 ตน แบ่งออกได้เป็น 6 6 6 กอง แต่ละกองประกอบด้วยปีศาจทั้งสิ้น 6,666 ตน ทั้งหมดอยู่ใต้การบัญชาการของท่านดุกต์ เจ้าชายและราชาในนรก
นอกจากนี้ 666 ยังได้รับความนิยมใน Pop Culture และถูกนำไปใช้ในหลายสื่อเพื่อสร้างบรรยากาศของความลึกลับและความน่าสยดสยองให้แก่ผู้คน เพราะไม่ว่าใครต่างก็รู้จักและคุ้นเคยกับเลขนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่านี่คือเลขของปีศาจ ทำให้666 เป็นเพียงเลขไม่กี่ตัวที่นำมาพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย
ที่มาของ เลข 666 มาจากไหน ? มีหลักฐานมาจากคัมภีร์ไบเบิลจริงรึไม่ ?
666 มันมาจากตอนท้ายของ The Book of Revelation หรือหนังสือพระธรรมแห่งวิวรณ์ บทที่ 13 ซึ่งเป็นการอธิบายถึงปีศาจที่ตีความกันว่าเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในวรรคที่ 18 ที่กล่าวกันว่า “ในเรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าใครมีความเข้าใจก็จงคิดคำนวณเลขของปีศาจตัวนั้น เพราะว่ามันเป็นเลขของคนผู้หนึ่ง เลขของมันคือ 666” และด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เลขเขาเป็นเบาะแสของอัตลักษณ์ปีศาจที่ถือเป็นปรปักษ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า
อย่างที่บอกไปว่า 666 มาจากวิวรณ์บทที่ 13 ที่เป็นการสื่อถึงปีศาจที่เป็นปรปักษ์ต่อพระคริสต์เจ้า ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเจ้าตนนี้มันไม่มีชื่อ 666 เลยเปรียบเสมือนเป็นชื่อของมันไปด้วย แต่ชาวคริสต์มักเรียกมันอีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือ The Beast หรือที่ไทยเราจะเรียกกันว่าสัตว์ร้ายแห่งวิวรณ์
ในวิวรณ์บทที่ 13 จะมีการกล่าวถึงปีศาจตนหนึ่งครับที่มีลักษณะเป็นสัตว์ร้ายมันขึ้นมาจากท้องทะเล ซึ่งมันถือเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นและลึกลับที่สุดในพระคัมภีร์ไบเบิลเลยก็ว่าได้ สัตว์ร้ายนี้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของอำนาจชั่วร้ายที่สามารถต่อต้านพระเจ้าและผู้ติดตามของพระองค์ได้ มีคำอธิบายของสัตว์ร้ายตัวนี้อยู่ในวิวรณ์บทที่ 13 และ 17 แต่บทที่ 13 ได้รับการอธิบายที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับมันโดยอัครสาวกของพระเยซูที่ชื่อว่า ยอห์น (John)
เขาบอกว่าสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลนี้มีลักษณะที่น่าเกรงขามไม่เหมือนใคร เหมือนที่ปรากฏในวิวรณ์บทที่ 13 วรรค 1 ถึง 2 ว่า “ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมี 10 เขาและ 7 หัว บนเขาหัวมันมีมงกุฎ 10 อัน และบนหัวของมันมีชื่อต่างๆ ที่หมิ่นประมาทพระผู้เป็น เจ้าสัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นเหมือนเสือดาวแต่มีเท้าเหมือนกับหมีและปากเหมือนสิงโต มังกรได้ให้ฤทธิ์เดชอำนาจและบัลลังก์อันยิ่งใหญ่แก่สัตว์ร้ายนั่น” ซึ่งมันก็จะมีความคล้ายคลึงกับนิมิตใน The Book of Daniel (หนังสือแห่งพระธรรมดาเนียล) ซึ่งมีสัตว์ 4 ตัวที่เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดอาณาจักรต่างๆ ออกมาจากทะเลในรูปของสิงโต หมี เสือดาวและสัตว์ที่มีเขาทั้ง 10 ด้วย
การตีความของ เลข 666 สัตว์ร้ายจากวิวรณ์
คำว่า “มังกร” ตามความเชื่อของชาวคริสต์มันมักจะใช้เพื่อสื่อถึงความชั่วร้ายที่ไม่อาจชำระล้างได้และยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ ซาตาน ศัตรูของพระเจ้าและกิเลสตัณหา อย่างในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมบทเพลงสดุดีที่ 74 วรรคที่ 14 กล่าวว่า “พระองค์ทรงบดขยี้หัวมังกร” ซึ่งก็ถูกตีความกันว่าพระองค์ทรงเอาชนะอำนาจชั่วร้ายได้แล้ว และเจ้าสัตว์หลายแห่งวิวรณ์ที่ได้รับอำนาจมาจากมังกรก็มีลักษณะต่างๆ ที่สื่อถึงพลังอำนาจและความชั่วร้ายอยู่ด้วย ได้แก่ เขาทั้ง 10 หมายถึงกษัตริย์หรืออาณาจักรทั้งสิบ 7 หัวหมายถึงภูเขา 7 ลูกที่ตั้งอยู่ในโรม มงกุฎ 10 อันหมายถึงอำนาจของกษัตริย์ทั้งสิบ ชื่อต่างๆ ที่หมิ่นพระเจ้าหมายถึงการต่อต้านพระเจ้า เสือดาวหมายถึงความว่องไวและความโหดร้าย หมีหมายถึงพละกำลังอำนาจ และสิงโตหมายถึงความกล้าหาญ
ซึ่งถ้าเราอิงจากการตีความนี้มันจะแสดงถึงสัตว์ร้ายแห่งวิวรณ์ที่มีอำนาจฤทธิ์เดชและบัลลังก์ แสดงว่าจะต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ทางนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาก็ต่อยอดการตีความนี้ไปอีกว่า สัตว์ตัวนี้ได้ปกครองทุกตระกูลทุกชนชาติทุกภาษาและทุกประเทศของโลกเอาไว้ ซึ่งมันไปตรงกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่บอกว่าชื่อของสัตว์ตัวนี้คือ 666 ซึ่งเป็นเลขของมนุษย์ตามวิวรณ์บทที่ 13 วรรคที่ 17 ถึง 18 ที่หมายความว่าเจ้าสัตว์ร้ายแห่งวิวรณ์บทที่ 13 นี้ เป็นการปกครองของมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้าหรือเกี่ยวข้องกับปีศาจแต่อย่างใด
เขา 10 เขา กับ หัว 7 หัว คัมภีร์ไบเบิลอธิบายว่า 7 หัวของมันหมายถึงกษัตริย์หรือ 7 มหาอำนาจโลก เพราะฉะนั้น 7 หัวของสัตว์ร้ายที่เกิดขึ้นมาจากทะเลก็หมายถึง 7 มหาอำนาจของโลกตั้งแต่อดีต ได้แก่ อียิปต์ อัสซีเรีย บาบิโลน มีเดียเปอร์เซีย กรีซ โรมและอังกฤษ-อเมริกา มหาอำนาจเหล่านี้ปกครองและกดขี่ประชาชนของพระเจ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขบางตัวก็มีความหมายเป็นพิเศษในคัมภีร์ไบเบิลด้วย อย่างเช่นเลข 10 กับเลข 7 ซึ่งหมายถึงความครบถ้วนดังนั้น 10 เขาหมายถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก และมงกุฎบนเขาแต่ละเขาก็แสดงว่าประเทศเหล่านี้ได้ขึ้นปกครองแผ่นดินขยายอำนาจของตัวเองในเวลาเดียวกันกับการเป็นมหาอำนาจของโลกในแต่ละยุค
จริงๆ ยังมีการตีความ The Beast ในที่นี้ว่าอาจหมายถึงบรรดาผู้นำที่ชั่วร้ายโดยเฉพาะกับจักรพรรดิแห่งโรมันเพราะเป็นจักรวรรดิที่ต่อต้านความเชื่อเรื่องพระเจ้าอย่างถึงที่สุด แถมยังจับสาวกของชาวคริสต์มาทรมานกันอย่างสนุกสนาน ทำให้เดอะบีสต์จึงถูกเปรียบว่าเป็นจักรพรรดิแห่งโรมันซึ่งจะเน้นหนักไปที่จักรพรรดิเนโร (Nero) ที่ถือเป็นผู้สร้างยุคมืดแห่งโรมานนั่นเอง
เลข 666 กับ ความหมายในด้านดี
และเลขหกสามตัวสำหรับชาวคริสต์หรือชาวยิวก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของซาตานหรือปีศาจร้าย แต่ก็ใช่ว่าทุกวัฒนธรรมทั่วโลกจะมองว่า เลข 6 6 6 เป็นเลขของความชั่วร้ายอย่างเดียว อย่างในวัฒนธรรมของชาวอียิปต์พวกเขาเชื่อกันว่าเลขนี้สื่อถึง Solar Plexus Chakra (โซลาร์ แพล็คซัส ชักกระ) หรือสัญลักษณ์ของจักระสุริยะซึ่งถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณมนุษย์ที่แยกออกมาจากร่างกายหลังจากที่ตายไปแล้ว จักระนี้ชาวอียิปต์จะเรียกกันว่า “คา (Cha)” ซึ่งคานั้นจะเดินทางไปยังโลกแห่งวิญญาณเพื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับความชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อ และที่สำคัญชาวยิวที่ได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากอียิปต์ก็ได้นำเอาความคิดนี้มากดสร้าง Temple of Solomon (วิหารแห่งโซโลมอน) แต่ซ่อนนัยยะเอาไว้ว่าแท้จริงแล้ววิหารดังกล่าวลอกเลียนแบบมาจาก Temple of The Sun (วิหารแห่งดวงตะวัน) ของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ในศาสนาโบราณสุริยะหมายถึงจิตวิญญาณไม่ใช่ความชั่วร้าย
ในกระดาษปาปิรัส 115 ที่เป็นเศษกระดาษโบราณ ได้ปรากฏวิวรณ์บทที่ 13 วรรคที่ 18 ระบุถึงเลข 616 แทนที่จะเป็น เลข 6 6 6 ทำให้นักวิชาการศาสนาบางกลุ่มเชื่อว่า 616 อาจจะเป็นเลขแห่งความชั่วร้ายในฉบับดั้งเดิม และ 6 6 6 เป็นเลขที่แก้ไขในภายหลัง แต่หลักฐานที่จะระบุว่าเลขใดคือต้นฉบับของเลขแห่งความชั่วร้ายก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า 6 6 6 หรือ 616 เป็นตัวเลขที่ถูกต้อง แต่ไม่ว่าอย่างไรตาม 6 6 6 ก็ยังคงครองใจคนให้ยึดมั่นได้อย่างเต็มที่ว่านี่แหละคือเลขแห่งความชั่วร้าย
และนี่ก็คือ จุดกำเนิดของ เลข 666 หมายเลขแห่งความชั่วร้ายที่ว่ากันว่าเป็นเลขของซาตาน ที่เราได้นำมาฝากเพื่อนๆ ชาว Ghostsfolder เป็นอย่างไรกันบ้าง เพื่อนๆ เชื่อว่า 6 6 6 เป็นเลขของซาตานมาแต่กำเนิดเลยรึไม่ ทางเราเองถ้าไม่ได้ค้นคว้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมก็คงจะคิดอยู่ว่าเป็นเลขที่มาจากซาตานเพียงอย่างเดียวจริงๆ นั่นแหละ
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025