หมู่บ้านปลุกผี อินโดนีเซีย กับพิธีกรรมสุดแปลกของชาว Toraja

ในแถบภูเขาของเกาะสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย มีหมู่บ้านที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ หมู่บ้านปลุกผี หรือหมู่บ้านของชาว Toraja (ตอราจา) ซึ่งมีวัฒนธรรมและพิธีกรรมที่มีความพิเศษและแปลกแยกจากชนเผ่าอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ หนึ่งในพิธีกรรมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของชาว Toraja คือพิธีกรรมที่เรียกว่า “มาเนเนะ” (Ma’nene) หรือพิธีกรรมการปลุกศพ และในวันนี้เรา Ghostsfolder จะพาไปทำความรู้จักกับพิธีกรรมสุดแปลกที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ

พิธีกรรมปลุกผี ของชาว Toraja หมู่บ้านปลุกผี

ชาว Toraja ในเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซียเป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น หมู่บ้าน ปลุกผี เพราะมีพิธีกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักทั่วโลก นั่นคือพิธีกรรมปลุกผีหรือการขุดศพที่เรียกว่า “มาเนเนะ” (Ma’nene) พิธีกรรมนี้จัดขึ้นทุก ๆ สามปีเพื่อแสดงความเคารพและรำลึกถึงบรรพบุรุษและผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

การเริ่มต้นพิธีกรรมมาเนเนะจะเริ่มจากการนำศพออกจากที่เก็บศพหรือหลุมศพ ชาวบ้านจะร่วมมือกันทำความสะอาดศพอย่างระมัดระวัง จากนั้นจะแต่งตัวให้ศพด้วยเสื้อผ้าใหม่ที่มีความหมายทางวัฒนธรรมและศาสนา ชุดที่ใช้มักจะเป็นชุดที่สวยงามและมีลวดลายแบบดั้งเดิมของชาว Toraja บางครั้งยังมีการประดับด้วยเครื่องประดับและหมวกที่สวยงาม หลังจากทำความสะอาดและแต่งตัวให้ศพแล้ว ชาวบ้านจะนำศพกลับไปที่บ้านของครอบครัว ซึ่งที่นั่นจะมีการจัดพิธีบูชาและสวดมนต์เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิต พิธีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรำลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ยังมีชีวิตอยู่กับบรรพบุรุษที่จากไปแล้ว

นอกจากการสวดมนต์และบูชา ชาว Toraja ยังจัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ศพ ถือเป็นการเชิญชวนผู้เสียชีวิตให้กลับมาร่วมงานกับครอบครัวอีกครั้ง มีการจัดเตรียมอาหารที่หลากหลายและมีความหมายทางวัฒนธรรม เช่น เนื้อหมู เนื้อควาย และขนมหวานที่ทำจากข้าวเหนียว

พิธีกรรมมาเนเนะนี้สะท้อนถึงความเชื่อที่ลึกซึ้งและความรักที่ชาวตอราจามีต่อบรรพบุรุษ เป็นการแสดงความเคารพและความขอบคุณต่อผู้ที่สร้างฐานะและวัฒนธรรมให้กับชุมชน พิธีกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมทางศาสนา แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชนและสร้างความผูกพันระหว่างครอบครัวและชาวบ้านทุกคน

การประกอบพิธีศพ และความเชื่อหลังความตาย ของคนใน หมู่บ้านปลุกผี

การประกอบพิธีศพในวัฒนธรรมของชาวตอราจาใน หมู่บ้าน ปลุกผี เป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญและใหญ่โตมาก มีการเตรียมการอย่างละเอียดและใช้เวลาเป็นเวลานาน บางครั้งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี เพื่อให้สามารถจัดงานได้อย่างสมเกียรติและมีความหมาย โดยพิธีศพของชาวตอราจาจะแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน โดยเริ่มจากการเตรียมศพที่บ้านของผู้เสียชีวิต การเตรียมศพนี้จะมีการทำความสะอาดและแต่งตัวให้ศพด้วยชุดที่สวยงามและมีความหมายทางวัฒนธรรม จากนั้นจะมีการเก็บศพไว้ที่บ้านของครอบครัว เพื่อให้ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงได้มาร่วมแสดงความเสียใจและร่วมบูชาศพ

ในช่วงเวลานี้ ครอบครัวจะต้องจัดเตรียมทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อใช้ในพิธีศพ ซึ่งรวมถึงการจัดหาอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ใช้ในพิธี นอกจากนี้ยังต้องมีการเตรียมการจัดงานที่ใหญ่โต มีการสร้างเต็นท์และสถานที่สำหรับจัดพิธี รวมถึงการจัดเตรียมวงดนตรีและนักแสดงที่จะแสดงในพิธี พอเมื่อถึงวันที่จัดพิธีศพ จะมีการเคลื่อนศพจากบ้านไปยังสถานที่จัดพิธี โดยมีการขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ มีการร้องเพลงและเต้นรำตามประเพณีดั้งเดิม พวกเขาก็จะทำการเคลื่อนศพนี้เป็นการแสดงความเคารพและความศรัทธาต่อผู้เสียชีวิต และเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีในชุมชน

ในพิธีศพจะมีการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสวดมนต์เพื่อให้ผู้เสียชีวิตได้ไปสู่สวรรค์หรือที่หมายที่ดีหลังความตาย ชาว Toraja มีความเชื่อว่าผู้เสียชีวิตจะต้องได้รับการบูชาและเคารพอย่างเหมาะสม เพื่อให้วิญญาณได้ไปอยู่ในที่ที่ดีและมีความสุข หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ ศพจะถูกนำไปฝังหรือเก็บไว้ในที่เก็บศพที่มีลักษณะเฉพาะตัว เช่น ถ้ำหินหรือสุสานที่สร้างขึ้นในภูเขา การเก็บศพในลักษณะนี้เป็นการแสดงความเคารพและความรักต่อผู้เสียชีวิต และเป็นการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวตอราจา

พิธีศพและความเชื่อหลังความตายของชาว Toraja ใน หมู่บ้าน ปลุกผี จึงเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาและความเคารพต่อบรรพบุรุษและผู้เสียชีวิต เป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและสังคม และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วัฒนธรรมของชาวตอราจายังคงอยู่และเป็นที่รู้จักในระดับโลกนั่นเอง

ภาพบรรยากาศของพิธีกรรม “มาเนเนะ” (Ma’nene) จาก หมู่บ้านปลุกผี

และนี่ก็คือเรื่องราวของ หมู่บ้าน ปลุกผี จากประเทศอินโดนีเซีย กับพิธีกรรมสุดแปลกของชาว Toraja บอกได้เลยว่าคนนอกจากสงสัยและรู้สึกว่าพิธีกรรมหรือวัฒนธรรมนี้มันแปลก แต่ถ้าหากมองในเลนส์ของคนภาพในก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมและประเพณีที่พวกเขาต้องสืบสานต่อไปยังคนรุ่นหลัง โดยถึงแม้ว่าอาจจะมีน้อยลงหรือรวบรัดตัดตอนไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามพิธีกรรมที่ขึ้นชื่อว่าสุดแปลกนี้ก็ยังคงอยู่