ช่วง 5 ปีมานี้ เรามักจะได้เห็นข่าวคดีฆาตกรรมในเมืองไทยหลายต่อหลายคดี มันทำให้หวนนึกถึงคดีดังเมื่อ 66 ปีที่แล้วอย่าง “คดีรักนวลฉวี” คดีฆาตกรรมที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคดีโหดโด่งดังติด 1 ใน 5 ของไทย ที่สำคัญคดีนี้ฆาตกรเป็นนายแพทย์อนาคตไกล ครอบครัว ฐานะทางสังคม การศึกษา และหน้าที่การงานดี แต่เพราะอะไรล่ะที่ทำให้ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมคนนี้ ลงมือทำเรื่องโหดร้ายอย่างเลือดเย็น
วันนี้ ghostsfolder จะพาย้อนรอยไปรำลึกคดีดังในประวัติศาสตร์ในวงการการแพทย์ของไทยเรา คดีที่เคยโด่งดังจนขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายสัปดาห์
จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของ คดีรักนวลฉวี
นางนวลฉวี เพชรรุ่ง เกิดวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2475 ที่เชียงงา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เธอเป็นสาวร่างเล็ก หน้าตาดีพอประมาณ เธอเป็นนักเรียนพยาบาลศิริราช หลังจากจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2497 นวลฉวีก็ได้เข้าทำงานที่แรก ณ โรงพยาบาลภูมิพล แต่ก็ทำได้เพียง 1 ปีกว่า ก็ย้ายออก เนื่องจากมีปัญหากับคนในที่ทำงาน ก่อนจะเข้าทำงานเป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาลบ้านหมี่ แต่ก็ทำได้เพียง 1 ปีเศษเช่นกัน
เข้าสู่ปี 2501 เธอก็ได้ย้ายเข้าทำงานที่สถานพยาบาลยาสูบ ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่เธอได้มีโอกาสทำงาน
นายแพทย์อธิป สุญาณเศรษฐกร นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล เขาเรียนจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ด้วยความที่เขาเป็นคนหัวดีและใฝ่เรียนสูง จึงสามารถสอบเข้าเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เมื่อจบการศึกษา ก็ได้รับหมายเกณฑ์เข้าประจำสำรองราชการที่กรมกำลังพลทหารอากาศ ตำแหน่ง ว่าที่เรืออากาศโท รับราชการเป็นนายแพทย์ ณ โรงพยาบาลรถไฟ
ในปี 2501 หมออธิปถูกให้ย้ายไปประจำการเป็นนายแพทย์รถไฟ หัวหน้าเขต 4 ที่จังหวัดลำปาง ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มเมืองกรุงมาแต่กำเนิด พอได้ย้ายไปประจำการยังต่างจังหวัด ซึ่งจังหวัดลำปางในสมัยนั้น ถือว่าเป็นจังหวัดไกลปืนเที่ยง ไร้แสงสี ไร้ความเจริญ ออกจะเงียบเหงาด้วยซ้ำไป เขาได้เจอกับพยาบาลสาวนวลฉวี เธอมาเที่ยวกับเพื่อน 2 คน และนี่คือจุดเริ่มต้นของความรักอันซับซ้อนของ คดีรักนวลฉวี ที่เรากำลังจะพาเพื่อน ๆ ไปลงรายละเอียดต่อไปนี้
จากความรักอันหวานชื่นในโลกเงียบเหงา กลับกลายเป็นฝันร้าย
หมออธิปอาสาเป็นไกด์พา 2 สาวเที่ยวในจังหวัดลำปาง นี่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างเขากับนวลฉวี หญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ รอยยิ้ม ความสดใสร่าเริง และความเฉลียวฉลาด ทำให้โลกที่เงียบเหงาของหมออธิปมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แม้จะต้องลาจากกัน แต่ทั้งคู่ก็ติดต่อกันทางจดหมายอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่หมออธิปจะได้ย้ายกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลรถไฟเช่นเดิม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มแน่นแฟ้นขึ้นเข้าทุกวัน แม้จะยังไม่มีการแต่งงานเป็นล่ำเป็นสัน แต่ก็ชัดเจนว่า ทั้งคู่คบหาดูใจกันในฐานะคนรัก จนถึงขั้นนวลฉวีท้อง แต่เธอได้ไปทำแท้งมา โดยไม่บอกเรื่องนี้ให้หมออธิปรู้ เขารู้ด้วยตัวเองตอนไปเยี่ยมนวลฉวีที่โรงพยาบาล แม้จะไม่มีการบอกเล่า แต่ด้วยความที่เขาเป็นนายแพทย์ เพียงเห็นอาการป่วยของเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องราวความรักดูเหมือนจะไปได้สวย แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เมื่อนวลฉวีเริ่มมีวุ่นวายกับเขาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงหลังที่เขาไม่มีเวลาให้เธอ เนื่องจากเขาได้ทุนศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมัน บวกกับถูกส่งไปฝึกงานที่โรงพยาบาลศิริราช ตกเย็นก็ต้องเป็นเรียนภาษาเยอรมัน เพื่อที่ว่ากลับมาเขาจะได้ตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกจักษุแพทย์ที่กำลังจะเปิดใหม่
แต่จุดเริ่มต้นของ คดีรักนวลฉวี ที่แท้จริง มันเริ่มต้นจากการเข้ามาของหญิงสาวที่ชื่อว่า นางสาว สมบูรณ์ สืบสมาน นักศึกษาสาวชั้นปีสุดท้ายจากวิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆ เธอเป็นเพื่อนวัยเด็กของหมออธิป รูปร่างหน้าตาสะสวย (ด้วยความที่เป็นผู้หญิงด้วยกันอ่ะเนอะ มันก็มีเซ้นท์บางอย่างที่บอกว่า เออ แฟนเรามันแปลกไป) เธอจึงตามเฝ้าหมออธิปหนักขึ้น จนถึงขั้นไม่ยอมทำการทำงาน จนหมออธิปรู้สึกอึดอัดเต็มทน
ทะเบียนสมรสซ้อน จุดเริ่มต้นของหายนะแห่งคดีรักนวลฉวี
การที่นวลฉวีตามติดหมออธิปมากขึ้นทุกวัน ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ ถึงขั้นมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2502 เขาจึงตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับนวลฉวี เพื่อเป็นการตัดความรำคาญ แต่เรื่องน่าทึ่งกว่านั้นคือ หลังจากจดทะเบียนกับนวลฉวีได้เพียง 6 วัน เขาไปจดทะเบียนสมรสอีกฉบับกับนางสาวสมบูรณ์ สืบสมาน กลายเป็นว่า ตอนนั้น เขาจดทะเบียนสมรสซ้อนกัน (ความจริงมันทำไม่ได้หรอก แต่ด้วยความที่ยุคนั้นระบบราชการยังไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเหมือนสมัยนี้ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและความล่าช้าได้)
ดูเหมือนว่า การจดทะเบียนจะจบปัญหาถูกไหม แต่เปล่าจ้า ปัญหาหนักกว่าเดิมอีก เมื่อนวลฉวีและนางสาวสมบูรณ์รู้ ก็เป็นเรื่องนะสิ ทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โต แถมยังทะเลาะกันในที่ทำงานของหมออธิปอีก คิดดูว่าทุกคนในที่ทำงาน คนไข้นับร้อยคนเห็นภาพแบบนี้ คงไม่ต้องเดาเลยว่า ภาพลักษณ์ของหมออธิปจะเสียขนาดไหน
หลังจากเหตุการณ์นี้ นวลฉวียังคงตามเฝ้าหมออธิปทุกคืนที่โรงพยาบาล แถมยังพยายามจะไปขออยู่บ้านหมออธิป แต่เธอกลับโดนครอบครัวหมออธิปไล่ออกมา ฟางเส้นสุดท้ายของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อเธอยื่นเรื่องพฤติกรรมของนายแพทย์อธิปต่อผู้อำนวยการกรมการแพทย์ นั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนคดีฆาตกรรมโหดนี้
การวางแผนสังหารโหดนวลฉวี
เช้าของวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2502 เวลาประมาณ 08:45 น. นายจำลอง จิรัตฐิตกุล นั่งเรือโดยสารที่คล้องอ้อมเพื่อไปทำงานตามปกติ เขาพบเห็นร่างหญิงสาวลอยน้ำในสภาพขึ้นอืด เขารีบโทรแจ้งตำรวจทันที ตำรวจใช้เวลาในการสืบสวนเพียง 2 วัน ก็สามารถระบุตัวตนได้ว่า เธอชื่อนางนวลฉวี เพชรรุ่ง ภรรยาของนายแพทย์อธิป สุญาณเศรษฐกร จากแหวนทองที่เธอสวมใส่ ระบุว่า “รามเดชะ” ซึ่งเป็นนามสกุลเก่าของนายแพทย์อธิป
สภาพศพถูกมัดด้วยเชือกที่ข้อมือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไม่พบรอยฉีกขาด มีรอยแผลที่เกิดจากการโดนแทง 3 แผล ผลชันสูตรสรุปว่า เธอถูกแทงจนตกเลือดจากภายในจนเสียชีวิต ก่อนจะถูกนำศพโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา
คดีรักนวลฉวี ถือว่าเป็นคดีที่ผู้คนจับตามองมากสุดในขณะนั้น เป็นคดีฆาตกรรมโด่งดัง จนถึงขั้นนายพลสฤษดิ์ ธนรัตน์ นายกรัฐมนตรีในตอนนั้นก็เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงขั้นเรียกไปสอบสวนด้วยตัวเอง (อย่างที่รู้กันเนอะว่า เขาเป็นนายกที่โหดสุดในประวัติศาสตร์ไทย ใครเห็นก็ต้องกลัว) ทำให้การสืบสวนคดีนี้คลี่คลายในเวลาไม่นาน
แม้จะไม่เคยมีคำรับสารภาพออกจากปากหมออธิปว่าเขาเป็นคนทำ แต่จากการสืบสวนสอบสวน ก็สรุปได้ชัดเจนเลยว่า นายแพทย์อธิปเป็นผู้จ้างวานฆ่านางนวลฉวี โดยฆาตกรรมอำพรางที่บ้านสวนบำหรุ ธนบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายชูยศ คนสนิทของหมออธิป คดีนี้ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายมงคล นายชูยศ และนางสุขสม ที่ร่วมมือกันข่มขืนและสังหารนวลฉวี ก่อนจะอำพรางศพ โดยการนำศพไปโยนทิ้งบริเวณสะพานนนทบุรี
สรุป
คดีรักนวลฉวี ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คนไทยให้ความสนใจมากสุดในขณะนั้น ถึงขั้นว่า ในการพิพากษามีคนมารอฟังคำพิพากษาล้นหลาม จนต้องติดลำโพงออกอากาศไปถึงด้านนอก ผลการพิจารณาคดี จำเลยที่ 2 และ 3 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 ไม่มีหลักฐานเอาผิด ส่วนหมออธิปถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ต่อมา ก็ถูกลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่ช่วงที่อยู่ในเรือนจำ เขาประพฤติตัวดี ทำให้เขาติดคุกเพียงไม่กี่ปี ก็ออกมา แต่ออกมาไม่นาน เขาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
เรื่องราวคดีนี้ ถูกจารึกให้เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่โด่งดังในไทย ปัจจุบัน เสื้อผ้าของนวลฉวีและเรื่องราวของเธอถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของโรงพยาบาลศิริราช