มาต่อพาร์ทที่ 2 ให้แล้ว กับ 13 คดีฆาตกรรมโหด ผัวฆ่าเมีย ที่บอกได้เลยว่า ถึงแม้ว่าคดีของ น้องนุ่น จะจบลงด้วยการจับผู้ร้ายได้แล้ว แต่สิ่งที่ยังคงถูกพูดถึงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของจิตใจของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ที่ลงมือสังหารและอำพรางศพด้วยการนำไปทิ้ง ซึ่งวันนี้เราจะมาต่อความโหดของเหล่าสามีที่ก่อเหตุสังหารภรรยาอย่างไร้เหตุผลกันค่ะ
ผัวฆ่าเมีย : The Murder of Laci Peterson
การฆาตกรรมลาซี ปีเตอร์สัน
ลาซี เดนิส ปีเตอร์สัน (Laci Denise Peterson) เป็นหญิงชาวอเมริกันที่ถูก สก็อตต์ ลี ปีเตอร์สัน (Scott Lee Peterson) สามีของเธอฆ่า ขณะตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้แปดเดือน
ลาซี เธอได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2002 จากบ้านของพวกเขาในเมืองโมเดสโต รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากเขาก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอมาศพของเธอและลูกชายในครรภ์ของเธอ ซึ่งทั้งคู่ได้วางแผนจะตั้งชื่อว่าคอนเนอร์ ถูกค้นพบเมื่อเดือนเมษายนปีต่อมา บนชายฝั่งอ่าวซานฟรานซิสโก ทำให้สกอตต์ถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมถึง 2 กระทง ในเดือนพฤศจิกายน 2004 เขาถูกตัดสินว่า มีความผิดใน ข้อหาฆาตกรรมลาซี ในระดับ Frist Murders และ การฆาตกรรมเด็กทารก ในระดับ Second Murders
ผัวฆ่าเมีย : Murder of Tara Lynn Grant
การฆาตกรรมทารา ลินน์ แกรนท์
ทาร่า ลินน์ แกรนท์ (Tara Lynn Grant) เป็นหญิงชาวอเมริกัน คุณแม่ลูกสอง จากมาคอมบ์เคาน์ตี้ รัฐมิชิแกน และเป็นที่ปรึกษาที่ประสบความสำเร็จที่ Washington Group International เธอได้กลายเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ ในฐานะเหยื่อของการฆาตกรรมโดย สตีเฟน แกรนท์ (Stephen Grant) สามีของเธอ ด้วยการการรัดคอจนเสียชีวิต ในเดือนกุมภาพันธ์ 2007
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2007 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ สตีฟได้โทรไปที่สำนักงานนายอำเภอคอมบ์เคาน์ตี้ ในเขต เมาท์ เคลย์เมน รัฐมิชิแกนเพื่อรายงานว่า ทาร่า ภรรยาของเขาหายตัวไปรวม 5 วัน แล้ว แต่ตามที่ตำรวจระบุ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับพวกเขาในระหว่างการสอบสวนในช่วงแรก ๆ แถมยังปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แต่ตกลงที่จะทำการทดสอบเครื่องจับเท็จ หากมีการดำเนินการโดยคนอื่นที่ไม่ใช่ตำรวจ และจากความน่าสงสัย ทำให้ในวันที่ 2 มีนาคม 2007 ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายค้นที่บ้านของเขา หลังจากที่บุกเข้าทำการค้นตัวบ้าน ไม่พบกับเจ้าของบ้าน แต่พวกเขากลับพบชิ้นส่วนของมนุษย์ถูกเก็บไว้ในถุงขยะพลาสติกในโรงรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับสตีฟอย่างเป็นทางการ
โดยเรื่องราวของเธอ ได้ถูกทำไปสร้างเป็นซีรีส์ภาพยนตร์ใน Casanova Killers ซีซั่น 1 ตอนที่ 3 และ Investigation Discovery Scorned: Love Kills “The Au pair Affair” ในซีซัน 1 ตอนที่ 8 ออกอากาศเมื่อเดือนมีนาคม 2012
ผัวฆ่าเมีย : Watts family murders
คดีฆาตกรรมครอบครัววัตต์
วันที่ 13 สิงหาคม 2018 ในเมืองเฟรเดอริก รัฐโคโลราโด คริสโตเฟอร์ ลี วัตต์ส (Christopher Lee Watts) สังหาร ชานัน (Shanann) ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาและลูกสองคนของพวกเขา เบลลาและเซเลสต์ โดยการรัดคอ และได้มีการขุดหลุมฝังศพเอาไว้ตื้น ๆ ใกล้สถานที่จัดเก็บน้ำมัน Anadarko Petroleum ซึ่งอยู่ห่างจากร็อกเก้น (Roggen) ไปทางเหนือ ประมาณ 3 ไมล์ และทิ้งศพของลูก ๆ ของเขาลงในถังน้ำมันดิบ ในตอนแรกเขายังคงยืนยัยว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่ท้ายที่สุดก็ถูกจับกุม และในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากรับสารภาพในการให้สัมภาษณ์กับนักสืบ และต่อมาเขายอมรับว่าได้ฆ่าลูก ๆ ของเขาด้วย
หากอยากติดตามเรื่องราวฆาตกรรมสามารถรับชม American Murder: The Family Next Door สารคดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมทาง Netflix
ผัวฆ่าเมีย : Murders of Rachel and Lillian Entwistle
การฆาตกรรม ราเชลและลิเลียน เอนทวิสเซิล
นีล เอนทวิสเซิล (Neil Entwistle) ชายชาวอังกฤษ วัย 45 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม ราเชล เอนทวิสเซิล (Rachel Entwistle) ภรรยาชาวอเมริกันของเขา และลิลเลียน เอนทวิสเซิล (Lillian Entwistle) ลูกสาววัยทารกของพวกเขา เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2006 ในเมืองฮอปคินตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทซสหรัฐอเมริกา เขาถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ต้องรอลงอาญา
ศพของราเชล วัย 27 ปี และลิลเลียน วัย 9 เดือน ถูกพบเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2007 ในห้องนอนใหญ่ของบ้านเช่าของครอบครัวที่พวกเขาอาศัยอยู่มาสิบวันแล้ว หลังจากเพื่อนของราเชลแจ้งว่าเธอขาดการติดต่อไปหลายวัน ซึ่งจากผลการชันสูตรพลิกศพพบว่า เธอเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนขนาด .22 ที่ศีรษะ และลิเลียนจากบาดแผลกระสุนปืนที่ลำตัว และกระสุนที่ยิงใส่น้องลิเลียน ยังทะลุผ่านที่หน้าอกซ้ายของราเชลด้วย ซึ่งกระสุนนั้นมีขนาดเล็กมากจนไม่มีใครตรวจพบกระสุนในหัวของราเชลจนกว่าจะมีการชันสูตรพลิกศพ
นีลถูกตัดสินว่ามีความผิดทุกข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2008 และถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่สามารถรับทัณฑ์บน หรือยื่นอุธรณ์ได้
Murder of Rosemarie Essa
การฆาตกรรม โรสแมรี เอสซา
มาต่อกันที่คดีฆาตกรรม ผัวฆ่าเมีย ต่อไป เป็นเรื่องของ โรสแมรี เอสซา (Rosemarie Essa) หญิงชาวอเมริกันที่ถูก ยาซีด เอสซา (Yazeed Essa) สามีของเธอสังหาร
ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2005 เวลาประมาณ 14.00 น. โรสแมรีได้ออกไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์กับน้องสาว แต่ก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน ยาซีดได้ยื่นอาหารเสริมแคลเซียมให้เธอแล้วอ้างว่าเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกาย ด้วยความที่เธอไม่ได้คิดอะไร เธอจึงรับมาและรับประทานเข้าไป แต่ในขณะที่กำลังเดินทาง เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายและโทรหาเพื่อนของเธอ โดยบอกเธอว่า เธอสงสัยว่าอาการป่วยน่าจะเกิดจากเม็ดแคลเซียมที่สามียื่นให้ก่อนออกจากบ้าน หลังจากที่โรสแมรีวางสายของเพื่อน จึงได้โทรหายาซีด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ในระหว่างนั้นเธอก็ยังคงขับรถอยู่ท้องถนน เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่าขับรถด้วยความเร็วเพียง 10 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่อาการของเธอหนักเกินกว่าจะควบคุม ทำให้เธอหมดสติหน้าฟุบลงกับพวงมาลัย ทำให้ตัวรถเข้าปะทะกับรถตู้บนท้องถนน
โรสแมรีเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที แต่น่าเสียดายที่สายเกินแก้ เพราะเธอได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ญาติของเธอเล่าในเวลาต่อมาว่า สามีของเธอได้ส่งอีเมลให้คนอื่น ๆ เพื่อแจ้งคนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของภรรยาของเขา 1 เดือนหลังจากการเสียชีวิตของโรสแมรี มีรายงานทางพิษวิทยาพบว่า ยาแคลเซียมท่าซีดมอบให้เธอนั้น เต็มไปด้วยโพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเขานั้นได้ลงมือสังหารภรรยาของตัวเองด้วยการวางยา
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2009 ยาซีดถูกฟ้องต่อหน้าผู้พิพากษาดี เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมอย่างร้ายแรง โดยการพิจารณาคดีเริ่มขึ้นในวันที่ 9 มกราคม 2010 และในวันที่ 8 มีนาคม ปีเดียวกัน ยาซีดถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรม และถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บนเป็นเวลา 20 ปี
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมไทลินอลได้ที่ : 5 คดีฆาตกรรม ปริศนาใครเป็นคนฆ่า ยังคงปิดไม่ลงจนเป็น Cold Case
ผัวฆ่าเมีย : Murder of Anne Searle
การฆาตกรรม แอนน์ เซิร์ล
คดีฆาตกรรมต่อไป เป็นคดีที่ค่อนข้างโด่งดังอย่างมาก เมื่อ สตีฟเว่น แอนโทนี เซิร์ล (Stephen Anthony Searle) ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปของพรรค Independence Party (UKIP) ของสหราชอาณาจักร และสมาชิกคนล่าสุดของสภาเทศมณฑลซัฟฟอล์ก ได้ลงมือสังหารภรรยาของเขาด้วยการรัดคอจนเสียชีวิตทันที และบอกกับตำรวจว่า “I’ve been a very naughty boy”
แรงจูงใจเกิดมาจาก เขานั้นถูกแอนน์จับได้ว่าเขามีสัมพันธ์สวาทกับ อนาเซีย (Anastasia Pomiateeva) แฟนสาวของ แกรี่ (Gary Searle) ลูกชายของตัวเอง ซึ่งเพื่อเป็นการปกปิด เขาจึงได้ทำการสังหารภรรยาของเขาด้วยการรัดคอจนหมดลมหายใจ และยังอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวเอง และกล่าวหาว่า แอนน์ ภรรยาของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น พยายามแทงเขาด้วยมีดสเต็ก อย่างไรก็ตาม จากหลักฐาน ถือว่าเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนา ทำให้เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมเธอในเดือนกรกฎาคม 2018 ถูกจำคุกตลอดชีวิตและต้องรับโทษ 14 ปี
ผัวฆ่าเมีย : The Crimes of Peter Demeter
การฆาตกรรมของ ปีเตอร์ ดีมิเตอร์
มาปิดจบด้วยคดีสามีฆ่าภรรยาคดีสุดท้ายที่เราจะนำมาแนะนำเพื่อน กับเรื่องราวของ ปีเตอร์ ดีมิเตอร์ (Peter Demeter) อดีตนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศแคนาดา โดยเกิดในวันที่ 19 เมษายน 1933 ในฮังการี โดยเขาถูกตัดสินลงโทษในปี 1974 ในข้อหาเตรียมการฆาตกรรม คริสติน เฟอร์รารี (Christine Ferrari) ภรรยาของเขา ซึ่งถือคดีนี้เป็นการพิจารณาคดีที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคนาดา และเผยให้เห็นว่าทั้งสามีและภรรยาอาจวางแผนสังหารอีกฝ่ายเพื่อเรียกเอากรมธรรม์ประกันภัย 1 ล้านดอลลาร์
ปีเตอร์และคริสติน ได้แต่งงานกันในปี 1967 และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ชีวิตคู่ของพวกเขามีแต่ปัญหาและเริ่มตึงเครียด นั่นเป็นผลทำให้ในวันที่ 18 กรกฎาคม 1973 คริสตินวัย 33 ปีถูกพบว่าถูกฆาตกรรมด้วยการถูกฟาดด้วยไม้ที่ท้ายทอย จนเธอเสียชีวิตอยู่ภายในโรงรถของบ้าน ในเมืองมิสซิสซอกา รัฐออนแทรีโอ
และนี่ก็คือ 13 คดีฆาตกรรมโหด ผัวฆ่าเมีย ในพาร์ทที่ 2 ที่เราได้นำมาฝากเพื่อน ๆ ชาว Ghostsfolder สำหรับพาร์ทนี้จะมีเนื้อหาที่ไม่ค่อยโหดเท่ากับพาร์ทแรก แต่เหตุผลและแรงจูงใจของฆาตกรที่ขึ้นชื่อว่าสามี มักบิดเบี้ยวจนเกินจะเยียวยา มีแต่เหตุผลแปลก ๆ ที่ทำให้ลงมือสังหารภรรยาโดยไม่ได้คิดว่าอะไรจะตามมา ซึ่งบอกได้เลยว่า ก็คล้ายกับคดี #น้องนุ่น #ไอ้ทอย คดีดังในไทย ที่สาวสวยดับ ด้วยฝีมือสามีตัวเองเหตุหึงหวง
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025