ว่ากันว่า คนชอบลองของ จริงไหม? จากที่เราได้เห็นสื่อต่างเกี่ยวกับการเยือนสถานที่ผีดุนั้น ทำให้เรารู้ว่า ใคร ๆ ก็อยากเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศสุดหลอนเสียเต็มทน เพราะความอยากรู้อยากลองนั่นแล อีกทั้งความเชื่อเรื่องทุกสถานที่มีผีนั้น คงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะที่ดินที่เราอาศัยอยู่นั่นก็มักจะมีผีสางอาศัยอยู่อย่างแน่นอนอยู่แล้ว นอกเสียจากรูปแบบความหลอนนั้นคงแตกต่างกันออกไป โดยในวันนี้เราจะมานำเสนอ 5 สถานที่ผีดุสุดเฮี้ยนทั่วโลก ที่เลื่องลือว่าหลอนจริง
บ้านของมาดาม ลาลอร์รี่ – สหรัฐอเมริกา
สถานที่ผีดุที่แรกที่เราจะนำมาฝากนั่นก็คือ คฤหาสน์สุดหรูหราของมาดาม ลาลอร์รี่ โดยเจ้าบ้านหลังนี้มีการเปลี่ยนมือเจ้าของไปเรื่อย ๆ มีหลายคนเข้ามาจับจองเพื่ออาศัยอยู่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้นานเลยสักคน บางคนอยู่ได้เพียงแค่ 3 เดือนก็ต้องย้ายออกเพราะมักถูกรบกวนด้วยเสียงแปลก ๆ ทั้งเสียงร้องและเสียงครวญครางในเวลากลางคืน แถมภาพที่ผู้คนเห็นกันอยู่บ่อย ๆ จนชิน คือภาพของวิญญาณคนหรือทาสที่ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ เสียงร้องโหยหวนของเหล่าวิญญาณที่ทุกข์ทรมานดังออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างไม่ขาดสาย บางคนเคยพบเห็นวิญญาณเด็กหญิงกระโดดจากดาดฟ้า บางคนเห็นทาสผิวดำไร้ศีรษะยืนถือหัวของตนเองอยู่ตรงระเบียง ไม่ว่าจะถูกปรับเปลี่ยนหรือต่อเติมให้กลายเป็นอะไรก็ตาม สถานที่ผีดุแห่งนี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำคล้ายร่างของคนอยู่ดี
โดยมีอีกเรื่องเล่าที่สำคัญบอกกันมาว่า จริง ๆ แล้ว มาดามมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งชื่อว่า มาเรีย เธอผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์มนต์ดำวูดู มาดามจึงลองเรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์มืดเหล่านี้จากเพื่อนของเธอ และนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนที่มีจิตใจไม่ปกติ มีความวิปริตเกินมนุษย์ ทำให้บริเวณรอบคฤหาสน์จึงเต็มไปด้วยซากศพที่ถูกฝังไว้ในลานด้านล่าง ซึ่งก็เชื่อกันว่าเป็นศพของพวกทาสที่ถูกมาดามทรมานหรือนำมาประกอบพิธีทางไสยศาสตร์จนตายอย่างสยดสยองนั่นเอง โดยสถานที่ผีดุแห่งนี้จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจของหนังเรื่อง American horror story อีกด้วย
เมืองซางจี (San Zhi) – ไต้หวัน
ตำนานสถานที่ผีดุของประเทศไต้หวันจะขาดที่นี่ไปไม่ได้ Sanzhi Pod City สร้างขึ้นในปี 1978 ใกล้ ตั้นสุ่ยไม่ไกลจากกรุงไทเปย์บนชายฝั่งทางเหนือของไต้หวัน มันถูกวางแพลนทำการตลาดให้กับทหารอเมริกันซึ่งประจำการในประเทศแถบเอเชียตะวันออกที่อยู่ใกล้เคียงและชาวไต้หวันผู้มั่งคั่งที่จะซื้อทรัพย์สิน และเนรมิตให้มันเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา
สุดยอดสถานที่สุดสวรรค์นี้คล้ายกับการออกแบบของทูมอร์โรว์แลนด์และ It’s A Great Big Beautiful Tomorrow ตามที่วอลท์ ดิสนีย์จินตนาการไว้ในสวนสนุกของเขาและก่อนหน้านั้นที่งานนิวยอร์กเวิลด์แฟร์ อาคารได้รับการออกแบบให้คล้ายกับบ้าน ฟิวเจอโร่ (Futuro) และสร้างขึ้นโดยกลุ่ม ฮังค์ เคียว (Hung Kuo) พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในนามบ้าน Sanzhi UFO
ความอาถรรพ์ของเมืองนี้เริ่มจาก การออกแบบที่แปลกประหลาดของเหล่าตัวอาคารต่าง ๆ (ในสมัยนั้น) จนทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างที่คร่าชีวิตคนงานไปหลายคนจนถึงกับต้องหยุดการก่อสร้างไปหลายครั้ง และเหตุการณ์สุดประหลาดที่มีคนอ้างว่าเห็นส่วนต่าง ๆ ของบ้านเคลื่อนไหวไปมาได้เองชวนขนลุก ถึงแม้ผู้สร้างที่นี่จะพยายามสร้างหมู่บ้านนี้ให้เป็นที่พักในวันหยุด เป็นบ้านพักที่อยู่บนน้ำได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้ายอีกจนได้ ชาวบ้านในละแวกนั้นเลยเชื่อว่า สถานที่ผีดุแห่งนั้นมีอาถรรพ์เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก
หมู่บ้านกินคนอินุนากิ – ญี่ปุ่น
หากใครเป็นสายญี่ปุ่นหรือชื่นชอบในวัฒนธรรมญี่ปุ่นต้องรู้จักกับสถานที่ผีดุเรื่องเล่าของ ” อินุนากิ ” ที่ตั้งอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ไม่ว่าจะว่ากันว่าตรงทางแยกของหมู่บ้านนั้น มีรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ มันอยู่มานานมาก ๆ โดยมีคนพูดต่อ ๆ กันว่ามีคู่สามีภรรยาขับรถจนหลงเข้าไปที่หมู่บ้านโดยบังเอิญ จึงจอดรถลงไปเพื่อถามทางและขอความช่วยเหลือ แต่เพราะคนในหมู่บ้านที่ไม่ยินดีต้อนรับคนนอก ทั้งคู่จึงถูกรุมสังหารอย่างไร้ความปราณี และนำรถมาจอดใว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้คนที่คิดจะเข้ามาลองดี ที่สำคัญคนที่นี่ไม่พูดภาษาญี่ปุ่น โดยมีข่าวลือว่าตั้งแต่สมัยเอโดะ คนในหมู่บ้านตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง พวกเค้ามีภาษาพูดและการสื่อสารในแบบของตัวเอง
มีกระท่อมหัวกระโหลก ตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัสของหมู่บ้าน และกระดูกที่เอามาสร้างกระท่อมคือกระดูกของผู้บุกรุก นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ลึกลับแห่งหนึ่ง ที่เมื่อคุณขับรถผ่านเข้าไปตอนตี 3 มันจะพาคุณไปโผล่ยังหมู่บ้านอินุนากิทันที ส่วนอาวุธที่ชาวบ้านใช้โจมตีผู้บุกรุกคือขวาน และต่อให้คุณค้นหาอย่างไรก็จะไม่เจอที่ตั้งเพราะ หมู่บ้านอินุนากิไม่ได้อยู่บนแผนที่ญี่ปุ่น ถ้าหากเข้าไปในนั้นจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก
ความน่ากลัวอีกหนึ่งเรื่องราวของสถานที่ผีดุแห่งนี้คือ การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง การกินเนื้อ และการฆาตกรรมเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับที่นี่ เนื่องจากเป็นเมืองที่ถูกตัดออกจากโลกภายนอก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถใช้งานได้ มีร้านค้าเก่าและโทรศัพท์สาธารณะ แต่คุณไม่สามารถโทรหาใครได้ และที่ปากทางเข้าหมู่บ้านจะมีป้ายเตือนว่า “กฎหมาย(ของญี่ปุ่น)ไม่มีผลบังคับใช้ที่นี่”
ส่วนตัวแล้วก็คิดว่ามันยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสถานที่ผีดุหรือหมู่บ้านนี้มีจริง แต่หลายคนกลับยืนยันถึงการมีอยู่ของหมู่บ้านนี้ รวมทั้งมีเรื่องเล่าขานต่าง ๆ มากมายมาตลอด ว่ากันว่าเส้นทางไปยังหมู่บ้านคือการเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากอุโมงค์อินุนากิเก่า เมื่อเดินด้วยเท้าไปเรื่อย ๆ มันก็จะพาไปถึงยังหมู่บ้านลับแลมนุษย์กินคน
โรงพยาบาลบีลิทซ์ แอลสแตเทน (Beelitz Heilstatten) – เยอรมณี
สถานที่ผีดุแห่งนี้คือโรงพยาบาลทหารเก่าแก่ เคยเป็นที่รักษาอาการบาดเจ็บของ อด็อป ฮิตเลอร์ หลังจากถูกกระสุนในสงคราม Sommer ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาได้เคยเอ่ยปากขอให้เปลี่ยนห้องรักษาด่วนกลางดึก เนื่องจากทนไม่ไหวกับเสียงร้องโหยหวนและลากโซ่ตรวน พอหลังจากผ่านสงครามโลกมาถึงสองครั้ง โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกใช้งานต่ออีกไม่นาน ก่อนจะถูกทิ้งร้างไป เนื่องจากหมอและพยาบาลทนความเฮี้ยนไม่ไหว จนในที่สุดก็หลงเหลือแต่สภาพรกร้าง ไร้ซึ่งการดูแล และสร้างบรรยากาศชวนหลอนอย่างยิ่ง
โดยมีผู้คนกล่าวขานกันว่า ไม่สามารถทนที่นี่ได้นานเกินชั่วโมง เพราะด้วยความเหม็นคาวและกลิ่นอับชื้น โดยบางครั้งจะได้ยินน้ำไหลทั้งที่เป็นโรงพยาบาลร้าง เมื่อมองขึ้นไปจะให้ความรู้สึกเหมือนมีคนพลุกพล่านคล้ายมีเหตุเร่งด่วนตลอดเวลา ในยามค่ำคืนอาจได้ยินเสียงกรีดร้องคล้ายคนถูกมีดผ่าตัด หลายต่อหลายครั้งที่มีคนใจกล้าบุกเข้าไปทดสอบความหลอน ทุกคนที่กลับออกมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนมีเลือดสด ๆ ไหลออกจากห้องผ่าตัดหลายห้อง แม้จะร้างมากว่าหลายสิบปีแต่เลือดกลับสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ผีดุ ที่ใคร ๆ ก็กล่าวถึง
เมืองร้างเมืองผีออราดูร์ ซูร์ กลาน (Oradour-sur-Glane) – ฝรั่งเศส
หมู่บ้านออราดูร์-ซูร์-กลาน ในประเทศฝรั่งเศสกลายเป็นเมืองร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วยเหตุชวนสลด นั่นก็คือเหตุสังหารหมู่ในปี 1944 ในสมัยนั้นบางส่วนของประเทศฝรั่งเศสอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคนาซีเยอรมัน ในช่วงท้ายของสงคราม หลังการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่หาดนอร์มองดี หน่วยเอสเอสที่ปกครองพื้นที่ดังกล่าวได้รับคำสั่งให้ทำลายหมู่บ้านและคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทั้งหมด
ชาวบ้านจำนวน 642 คนถูกสังหาร โดยผู้ชายถูกต้อนเข้าไปในโรงนาและสถานที่ปิดก่อนจะถูกยิงที่ขาก่อนที่หน่วยเอสเอสจะจุดไฟเผาอาคาร ส่วนผู้หญิงและเด็กถูกกักขังในโบสถ์จากนั้นก็ถูกระดมยิงจนเสียชีวิต มีผู้หญิงที่เหลือรอดจากการสังหารครั้งนี้มาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือ มาเกอริต รูฟฟองช์ เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง มีการสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนหมู่บ้านที่ปราศจากคนอาศัยอยู่แล้วนั้นก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เคยเกิดขึ้น หากบอกว่าเป็นสถานที่ผีดุ อาจจะต้องแล้วแต่มุมมองของคนเสียมากกว่า เนื่องจากกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง แต่ความหลอนคงเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง รถยนต์ที่สนิมขึ้น หรือแม้แต่บรรยากาศที่มีลมพัดผ่านและความเงียบสงบมันคงน่าขนลุกเอามาก ๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้สถานที่ผีดุติดชาร์จทั่วโลก
ความน่ากลัวในแต่ละสถานที่ก็มีเรื่องราวแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เฮี้ยนจริง หลอนจริง แต่บางทีแท้จริงแล้วสถานที่ผีดุเหล่า อาจจะเป็นแค่เป็นพื้นที่ที่อันตรายเสียมากกว่า เพราะเราไม่รู้แต่ละที่นั่นนอกจากความว่างเปล่าแล้ว อาจจะมีผู้คนที่ไม่หวังดีปรากฎก็เป็นได้ อีกทักความเก่าของตัวอาคารบ้านเรือนก็มีสภาพที่ไม่น่าเข้าใกล้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันดีคืนดี เราอาจะกลายเป็นหนึ่งในผีที่ต้องเฝ้าที่เหล่านั้นรึไม่
ติดตามอ่านบทความเรื่องหลอน ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Ghosts Folder – สารคดี – แฟ้มลับเรื่องสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025