สังเกตกันไหมว่าในปี 2568 นี้ หนังไทยเรากว่า 80% เป็นหนังสยองขวัญกันซะส่วนใหญ่ แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า ละครสยองขวัญไทย ล่ะ ทำไมดูไม่ค่อยเยอะเท่าฝั่งภาพยนตร์ คอละครไม่ชอบดูหนังผีกันหรอ หรือว่าละครแนวผี ๆ มันเอ้าท์ไปแล้ว
ช้าก่อนอย่าเพิ่งคิดแบบนั้น! ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าละครแนวผีของไทยเราช่วงหลังแทบไม่ค่อยมีให้เห็น เท่าที่จำได้เรื่องสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่อง “ตุ๊กตา” ทางช่อง 7 กับเรื่อง “ตุ๊กตาผี” ทางช่อง 3 ซึ่งทั้ง 2 เรื่องที่ว่ามานี้ล้วนเคยถูกสร้างมาแล้วในอดีต โดยบริษัท กันตนา กรุ๊ป
ถ้าคุณลองไปถามคนเฒ่าคนแก่ “ตุ๊กตา” มันจะเป็นหนึ่งในละครผีไทยที่ปู่ย่าตายายเราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันน่ากลัวมาก นอกจากเรื่องตุ๊กตาแล้ว ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักพูดคล้ายกันว่า ห้องหุ่น สุสานคนเป็น ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ ละครแนวนั้นหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ คนไม่นิยมดูกันแล้วหรอ ? บทความนี้ ghostsfolder จะมาชวนหาคำตอบไปพร้อมกัน
ละครสยองขวัญไทย ทำไมไม่น่ากลัว?
นี่คงเป็น Topic ยอดนิยมที่หากใครสิงอยู่ในห้องบางขุนพรหม คงเคยเห็นผ่านตากันอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะประเด็นเดี่ยวกับละครแนวผีของไทย ทำไมมันดูไม่ค่อยน่ากลัว เทียบฝั่งหนังไม่ได้ อย่างถ้าเป็นฝั่งภาพยนตร์ โอโห้ มีหลายสิบเรื่องที่ขึ้นหิ้งเรื่องความหลอน ไม่ว่าจะเป็น Shutter โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต ลัดดาแลนด์ 4 แพร่ง เป็นชู้กับผี แล้วละครล่ะ มีอะไรที่น่ากลัวบ้าง
ถ้าให้พูดในมุมมองของผู้เขียน หัวใจสำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ละครสยองขวัญไทย ดูไม่น่ากลัวในสายตาคนดูยุคปัจจุบัน นั่นเป็นเพราะว่าโลกมันเปลี่ยนเยอะมาก ปัจจุบันความเจริญเข้าไปถึงทุกหย่อมหญ้า มีแสงไฟ มีเทคโนโลยี และที่สำคัญมีอินเทอร์เน็ตเป็นเพื่อนยามเหงา ซึ่งถ้าเทียบกับยุคก่อนที่ความเจริญยังไม่ได้มากขนาดนี้ ในชนบทค่ำปุ๊ป ก็ปิดไฟนอนปั๊ป บรรยากาศเงียบสงัด ดูวังเวง แสงสียามค่ำคืนก็ไม่มี บวกกับความเชื่อเรื่องผียังคงเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย
เหตุผลข้อนี้แหละที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ความรู้สึกร่วมต่อสื่อที่เราเสพมันต่างกัน ละครผีไทยในสมัยก่อน ยังคงทำงานของมันได้ดี สร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชม การฉายละครแนวสยองขวัญประสบความสำเร็จทั้งกระแสและเรตติ้ง เรียกได้ว่า ชื่อของมันถูกจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่งั้นจะมีการหยิบมารีเมคอยู่เรื่อย ๆ หรอ รีเมคจนหลายคนคิดว่า ทุกเรื่องในอดีตถูกรีเมคหมดแล้ว แต่ความจริงยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยถูกหยิบมารีเมค อยากรู้ไหมว่ามีเรื่องไหนบ้าง
กาเหว่าที่บางเพลง
กาเหว่าที่บางเพลง ละครไทยแนวสยองขวัญ-ไซไฟ จากบทประพันธ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2537 และถูกนำมารีเมคเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 เมื่อปี 2546

เรื่องราวของกาเหว่าที่บางเพลง เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านบางเพลง ในคืนแรม 2 ค่ำ เดือน 12 หรือวันลอยกระทง อยู่ ๆ ทุกคนในหมู่บ้านก็หยุดนิ่งราวกับถูกสะกดเป็นเวลากว่า 4 นาที จากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความผิดปกติกลับเกิดหลังจากคืนนั้น เมื่อผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านต่างท้องพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนมีสามีแล้ว สาวโสด คนแก่ เด็กผู้หญิง ไปจนถึงแม่ชีที่ถือพรหมจรรย์ เอาง่าย ๆ ก็คือผู้หญิงทั้งหมู่บ้านที่อายุตั้งแต่ 16 – 80 ปีนั่นแหละ
เด็ก ๆ เติบโตมาเฉกเช่นเด็กปกติ แต่ความไม่ปกติเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อพวกเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มสาว พวกเขามีพฤติกรรมแปลกไปจากเด็กทั่วไป ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ชอบทานเนื้อสัตว์ มีรูปร่างหน้าตาแปลกไปจากมนุษย์ สายตาขวางดูดุดัน และพฤติกรรมที่ชอบจับกลุ่มรวมตัวกันหน้าเสาธงของโรงเรียน ชาวบ้านที่ไปรู้ไปเห็นอะไรเกี่ยวกับพวกเขา มักจะเสียชีวิตในวันถัดไป

กาเหว่าที่บางเพลง เป็นละครสยองขวัญไทย ที่พล็อตค่อนข้างแปลกใหม่ในยุคนั้น เนื่องจากมีการผสมความเป็นไซไฟคล้ายหนังฝรั่งเข้ามา แต่ด้วยเนื้อเรื่องและบรรยากาศค่อนข้างน่ากลัวมาก ผู้เขียนยังจำติดตากับฉากที่แม่พระเอกนอนตาย ร่างกายถูกเผาเป็นตอตะโกในบ้านตัวเอง
ดารายัน
เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวชาวบ้านคนนึงที่ชื่อ “ดารายัน” (นำแสดงโดย คุณนกสินจัย) เธอรักกับพระพระเอกที่เป็นทหารญี่ปุ่น เธอถูกหลอกให้เฝ้าสมบัติบนเกาะ แต่แล้วพระเอกกลับไปแต่งงานกับคู่หมั้นของตน ดารายันเสียใจจึงฆ่าตัวตาย วิญญาณของนางเอกที่อาฆาตแค้นกับกลุ่มคนที่ทำร้ายเธอในอดีตชาติ เธอจึงกลับมาทวงคืนและสะสางความแค้น

ดารายัน เป็นละครผีแนวข้ามภพข้ามชาติ อารมณ์จะประมาณเรื่องพิษวาท แต่ปมตัวละครจัดว่าเป็นน้อง ๆ พิษวาท อันที่จริงเนื้อเรื่องมันก็ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะละครแนวนี้ของไทยเยอะมาก แต่ที่ทำให้ดารายันเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะคอสตูมผีสาวใส่ชุดขาว ลอยมาพร้อมกับผ้าคลุม บวกกับการแสดงของคุณนกสินจัยนี่แหละ ที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในตำนานละครผีไทยที่น่ากลัว ปัจจุบันก็ยังไม่มีช่องไหนหยิบมารีเมค
เปรตวัดสุทัศน์
เปรตวัดสุทัศน์ ละครสยองขวัญไทย ที่ถูกสร้างโดย ดีด้า วิดีโอ โปรดักชัน เมื่อปี พ.ศ.2546 ออกอากาศทางช่อง 7 นำแสดงโดย วรนุช ภิรมย์ภักดี และถูกหยิบมารีเมคอีกครั้งในปี พ.ศ. 2555 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าเวอร์ชันแรก

เปรตวัดสุทัศน์ เป็นละครที่ตีแผ่และเตือนสติสอนใจในด้านศีลธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะเรื่องความกตัญญูกตเวที ซึ่งเชื่อมโยงกับความเชื่อทางพุทธศาสนาของไทยเราที่ว่ากันว่า หากทำบาปกรรมต่อบุพการี ตายไปจะกลายเป็นเปรต
ในละครเล่าผ่านตัวละครเอกที่ชื่อว่า “แสนเสน่ห์” หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีแห่งแคว้นล้านนา เธอมีรูปร่างหน้าตา กริยา และวาจามีเสน่ห์สมกับชื่อ แต่นั่นเป็นเพียงภายนอกที่เอาไว้หลอกล่อชายหนุ่ม หากแต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพียงแค่เปลือกที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ เพราะสิ่งที่เธอทำกับบุพการี ส่งให้เธอกลายเป็นเปรต เปรียบดั่งอสูรกายที่แสนทรมานเมื่อร่างหมดลมหายใจ
โรงแรมผี
โรงแรมผี ออกอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2553 ทางช่อง 5 หรือก็คือผลงานของช่องวันในปัจจุบัน เรื่องราวเกี่ยวกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี วิญญาณของคุณหลวงนฤบาล บุรีรักษ์ (ชาคริต แย้มนาม) เจ้าของโรงแรมเก่าริมทะเลแห่งหนึ่ง ถูกปลดปล่อยวิญญาณออกมาเพื่อตามล้างแค้นกลุ่มคนที่เคยทำร้ายตระกูลเขาในอดีต
สองพี่น้อง “วิสูตร” และ “ปัทมา” ทายาทของตระกูลที่เคยทำร้ายพระเอกต้องกลับเข้ามาอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ โดยหารู้ไม่ว่าวิญญาณร้ายกำลังจ้องเล่นงานพวกเขาอยู่ เมื่อเข้ามาอยู่ ทุกคนในบ้านก็พบกับความผิดปกติ จนสืบรู้มาว่า โรงแรมที่พวกตนอาศัยอยู่ และกำลังจะวางแผนรีโนเวทเป็นโรงแรมเปิดให้บริการนั้นมีวิญญาณของคุณหลวงผู้เป็นเจ้าของเก่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมด

ฟังดูเหมือนว่า เอ๊ะ มันก็ ละครสยองขวัญไทย แนวผีข้ามภพชาติ (อีกแล้ว) ใช่ เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้หลอนขนาดนั้น แต่ด้วบรรยากาศในยุคนั้น ประกอบกับอำเภอบางละมุงนี่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องผี ๆ เป็นทุนเดิม โดยในเฉพาะในยุคนั้น เวลามีใครเล่าเรื่องผีให้ฟัง ก็มักจะเกิดในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี อีกทั้งในช่วงนั้น มักมีข่าวการฆ่ากันตาย ข่าวฆาตกรรมในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง พอมีละครเรื่องนี้ออกมา มันเลยรู้สึกกลัวพื้นที่นี้ไปโดยปริยาย (ทั้งที่ความจริงมันไม่เกี่ยวกันเลย)
นกออก
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หากใครเป็นสายเที่ยวกลางคืน แล้วไปดูละครนกออกยุคนั้น จะต้องรีบกลับบ้าน ไม่ค่อยกล้าออกไปเที่ยวกลางคืน ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องมโน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกับว่า เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าออกเที่ยวกลางคืนถ้าดูละครเรื่องนี้
นกออก เป็นละครโทรทัศน์ที่ผลิตโดย บริษัท กันตนา ออกอากาศทางช่อง 7 เมื่อปี พ.ศ. 2548 เรื่องราวเกี่ยวกับรูปปั้นนกยักษ์หน้าตาประหลาดน่าหวาดกลัว ถูกขุดออกมาจากหลุมฝัง แล้วนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ซึ่งนางเอกเป็นแกนนำ โดยหารู้ไม่ว่า ในรูปปั้นนั้นมีวิญญาณร้ายสิงสถิตรอวันปลดปล่อย

และก็เป็นไปตามคาด วิญญาณของมันถูกปลดปล่อยด้วยเลือด 2 หยดของ “คนที่ดีที่สุด” กับ “คนที่เลวที่สุด” นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะ เมื่อพระเอกนางเอกเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์ตอนเช้า พวกเขากลับพบศพของยามเฝ้าพิพิธภัณฑ์ 2 คนนอนตายในห้องเก็บรูปปั้นนกยักษ์ นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะคนที่มาสมัครเป็นยามคนต่อ ๆ ไปก็โดนเช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่ฆ่าตาย แต่ทุกศพถูกควักหัวใจ
เรื่องโกลาหลไม่ได้เกิดแค่ในบริเวณพิพิธภัณฑ์เก็บรูปปั้น แต่มันลามไปยังพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะคนที่ออกมาข้างนอกตอนกลางคืน หนุ่มสาวสายปาร์ตี้ ถูกพบเป็นศพถูกควักหัวใจเกือบจะ 100 คนได้แล้ว
ละครเรื่องนี้ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่อตอนมีข่าวลัทธิบูชาครูกายแก้ว ด้วยเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นเหมือนจะบังเอิญ อีกทั้งรูปร่างหน้าตารูปปั้นดันไปคล้ายกับในเรื่อง นั่นยิ่งสร้างความรู้สึกสะพรึง และหวนย้อนนึกถึงละครเรื่องนี้อีกครั้ง
ขุมทรัพย์อมตะนคร
น่าจะเป็นละครที่ถูกลืมไปแล้ว สำหรับ “ขุมทรัพย์อมตะนคร” ละครสยองขวัญไทย ที่ไม่มีผี ไม่มีปีศาจสักตัว แต่ความหลอนยังคงทำงานได้ดีกับละครเรื่องนี้

ขุมทรัพย์อมตะนคร (2547) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางตามหาเมืองแห่งพุทธะ เมืองลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอันตรายและสิ่งที่มองไม่เห็น บรรยากาศในเรื่องเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลุ้นระทึก และแอบหลอนไปในตัว โดยเฉพาะภาพฉายสิ่งลี้ลับที่ปรากฏอยู่ตลอดทาง ซึ่งเขาฉายให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง มีความรู้สึกลุ้นว่ามันคืออะไร มันมาดีหรือมาร้ายกันแน่
สรุป
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ละครสยองขวัญไทย ที่ยังไม่เคยถูกหยิบมารีเมคในยุคปัจจุบัน จะเห็นว่าบางเรื่องถ้ามาดูในยุคนี้ก็อาจจะดูธรรมดา ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับสมัยก่อนที่ความเจริญยังไม่ทั่วถึงเหมือนทุกวันนี้ อีกทั้งเนื้อเรื่องมันเชื่อมโยงกับสภาพสังคมในสมัยนั้น เช่น ละครเรื่องตุ๊กตา ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ หรืออย่างละครเรื่องนกออก ที่ทำเอาคนชอบเที่ยวกลางคืนขวัญผวาได้ นี่แหละที่ทำให้ละครผีไทยในยุคนั้นทำงานของมันได้ดี


