7 การทดลองกับมนุษย์ การทดลองสุดสยองที่เคยเกิดขึ้นบนโลกของเรา

7 การทดลองกับมนุษย์ การทดลองสุดสยองที่เคยเกิดขึ้นบนโลกของเรา

หัวข้อน่าสนใจ

เมื่อเราพูดถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หลายคนคงนึกถึงห้องแล็บที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยและนักวิจัยที่มุ่งมั่นค้นหาความรู้เพื่อพัฒนาชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้น แต่ในประวัติศาสตร์ มีหลายการทดลองที่กลับทำให้เราขนลุกขนพอง เพราะผู้คนที่เกี่ยวข้องมักตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เราแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเคยเกิดขึ้นจริง และนี่คือ 7 การทดลองกับมนุษย์ การทดลองสุดสยองที่เคยเกิดขึ้นกับมนุษย์บนโลกของเรา จะมีการทดลองไหนบ้าง ตามไปดูกันค่ะ

การทดลองกับมนุษย์ : UNIT 731

UNIT 731
UNIT 731

กองทัพทหารหน่วย 731 แห่งจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำการทดลองกับมนุษย์เพื่อเตรียมการสำหรับสงครามเชื้อโรคในปี 1974 โดยเริ่มดำเนินการในปี 1938 ซึ่งภารกิจของหน่วย 731 หรือ UNIT 731 ก็คือการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นและโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ในด้านการจัดหาบุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยเพื่อมาทำการทดลองที่เลวร้ายดีที่หน่วย 731 และได้ใช้นักโทษชาวจีนแล้วก็พลเมืองชาวเอเชียหลายพันคนแทนหนูทดลองในการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรง

การทดลองนี้ทำให้เชลยจากสงครามติดโรคอหิวาต์ โรคแอนแทรกซ์ (anthrax) กาฬโลกและเชื้อโรคชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดโดยที่ไม่ใช้ยาชา และยังมีห้องควบคุมความดันที่ใช้ทดลองว่าร่างกายมนุษย์จะทนรับความกดดันได้แค่ไหนก่อนที่จะระเบิดออกมา ซึ่งหากถามว่าการทดลอง 731 สามารถพัฒนามวลมนุษยชาติได้ขนาดนั้นไหม เรียกได้ว่าหากตีเป็นเปอร์เซนต์คิดว่าแทบไม่ถึง 2% ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา เนื่องจากเขาได้ทำการทดลองมาเพื่อที่จะสร้างอาวุธชิ้นหนึ่งแต่ทุกวันนี้เราไม่ได้ใช้อาวุธขนาดนั้นและไม่ได้ทำสงคราม มันเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนทั้งโลกนั่นเอง

การทดลองกับมนุษย์ : การทดลองซิฟิลิสในตุรกี (Tuskegee Syphilis Study)

Tuskegee Syphilis Study
Tuskegee Syphilis Study

การศึกษาโรคซิฟิลิสที่ได้รับการรักษาในผู้ติดเชื้อชาผิวสีที่เมืองตุรกี หรือ การทดลองซิฟิลิสในตุรกี เป็นการทดลองที่นำความขายหน้ามาสู่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นการทดลองที่ทำให้ผู้คนเกิดความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายแรงโดยอ้างการรักษาที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ในระหว่างปี 1952 -1972 ชายกว่า 600 คนได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง โดย 399 คนติดโรคซิฟิลิสและอีก 201 คนเป็นกลุ่มควบคุม โดยมีเหล่าแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุขของอเมริกาเป็นผู้กำกับดูแลการทดลองนี้

ผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองจะได้รับเพียงยาที่ไม่มีผลในการรักษา เช่น แอสไพรินหรือยาเสริมแร่ธาตุ แทนที่จะใช้ยาเพนนิซิลินซึ่งเป็นยาที่ควรจะใช้ในการรักษาในยุคสมัยนั้น ซึ่งจุดประสงค์ของการศึกษานี้คือการเข้าใจผลกระทบและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในร่างกายของมนุษย์ และด้วยความไร้จรรยาบรรณของเหล่านักวิทยาศาสตร์ทำให้ผู้เข้าร่วมการทดลอง 28 รายเสียชีวิตด้วยโรคซิฟิลิส อีก 100 รายเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนและมีคู่สมรสกว่า 40 รายถูกตรวจพบว่าติดโรคและแพร่โรคต่อให้เด็กแรกเกิดอีก 19 คน

Tuskegee Syphilis Study
Tuskegee Syphilis Study

ต่อมาประธานาธิบดีบิล คลินตัน (William Jefferson Clinton) ได้แถลงการณ์ขอโทษในปี 1997 โดยได้กล่าวว่ารัฐบาลอเมริกาได้ทำสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ทั้งในด้านจรรยาบรรณและศีลธรรม เพียงแค่จดจำอดีตอันน่าอับอายไม่สามารถซ่อมแซมและทำให้ประเทศของเราดีขึ้นได้ แต่ด้วยการจดจำอดีตเหล่านั้นจะทำให้เราสามารถสร้างปัจจุบันและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้

การทดลองสุนัขสองหัว (The Two-Headed Dog Experiment)

The Two-Headed Dog Experiment
The Two-Headed Dog Experiment

วลาดิมีร์ เดมิคอฟ (Vladimir Petrovich Demikhov) เป็นศัลยแพทย์ที่ประสบความสำเร็จ และงานศึกษาของเขาช่วยให้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก้าวหน้า โดยเฉพาะในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะและการผ่าตัดที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเดมิคอฟเป็นสัตว์แพทย์ที่ทำการผ่าตัดเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจสัตว์เลือดอุ่นสำเร็จเป็นคนแรก แต่ในความสำเร็จของเขามีการทดลองที่อาจทำให้เรารู้สึกว่าไม่สบายใจ หนึ่งในนั้นก็คือการทดลองที่เป็นที่รู้จักกันดีของเขาก็คือ การทดลองสุนัขสองหัว โดยเขาได้เย็บส่วนหัว ไหล่และขาของลูกสุนัข เข้ากับคอของสุนัขสายพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ด

The Two-Headed Dog Experiment
The Two-Headed Dog Experiment

โดยการทดลองนี้ประสบความสำเร็จ สุนัขทั้งสองสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ภายหลังสุนัขทั้งสองมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานและก็ตายลง เนื่องจากปฏิกิริยาต่อต้านเนื้อเยื่อในร่างกายตัวสุนัขนั่นเอง เดมิคอฟได้ทำการทดลองสุนัขต่อหัวกว่า 20 ตัว แต่ตัวที่รอดชีวิตได้นานที่สุดอยู่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ถึงแม้ว่าการทดลองจะดูโหดร้ายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีส่วนช่วยในการบุกเบิกการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะในมนุษย์ต่อมา

การทดลองกับมนุษย์ : การปลูกถ่ายอัณฑะ (Testicular Transplant)

ลีโอ ลีโอนิดัส สแตนลีย์ (Leo Leonidas Stanley)
ลีโอ ลีโอนิดัส สแตนลีย์ (Leo Leonidas Stanley)

ลีโอ ลีโอนิดัส สแตนลีย์ (Leo Leonidas Stanley) ศัลยแพทย์ชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าศัลยแพทย์ของ เรือนจำรัฐซานเควนติน รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้ทำ การผ่าตัดปลูกถ่ายอัณฑะ ของอาชญากร ผู้ที่ถูกตัดสินประหารชีวิต สแตนลีย์เชื่อว่าผู้ที่ก่ออาชญากรรมที่มีลักษณะคล้ายกันจะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำและการเพิ่มระดับฮอร์โมนนี้จะช่วยให้อัตราการก่ออาชญากรรมลดลงได้

Testicular Transplant
Testicular Transplant

นักโทษกว่า 600 คนได้ตกเป็นเหยื่อของทฤษฎีบ้าๆ ของสแตนลีย์ และเมื่อจำนวนของอัณฑะไม่เพียงพอ เขาได้ทำการฉีดอัณฑะสัตว์ที่ถูกทำให้เป็นของเหลวเข้าสู่ร่างกายของนักโทษ ซึ่งเขาได้อ้างไว้ว่าการทดลองเขาประสบความสำเร็จหลังจากการอ้างอิงคำพูดของนักโทษชาวผิวขาวว่ารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมา ก่อนที่จะนักโทษเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันที่โดนปลูกถ่ายอัณฑะจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตต่อมานั่นเอง

การทดลองให้ลองเป็นผู้คุมนักโทษ (The Stanford Prison Experiment)

The Stanford Prison Experiment
The Stanford Prison Experiment

ในปี 1971 กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ทำการทดลองเพื่อศึกษาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนักโทษและผู้คุม โดยมีนักศึกษา 24 คนได้รับมอบหมายให้ไปเป็นนักโทษและผู้คุมโดยใช้การสุ่ม และนำไปอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกันกับในเรือนจำนั่นเอง ระยะเวลาในการทดลองกำหนดไว้ 2 สัปดาห์ แต่ การทดลองให้ลองเป็นผู้คุมนักโทษ จะต้องยุติลงอย่างกะทันหันหลังผ่านไปเพียงแค่ 6 วัน เนื่องจากไม่สามารถรักษาความเรียบร้อยได้ ถึงแม้ว่าจะมีการออกคำสั่งไม่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ 1 ใน 3 ของผู้คุมแสดงท่าทีที่จะคุกคามและข่มเหงนักโทษ แต่นักโทษหลายคนกลับก้มหน้าก้มตายอมรับการข่มเหงนั้น ส่งผลให้นักศึกษา 2 คน ที่ได้รับบทเป็นนักโทษมีภาวะบาดแผลในใจ ซึ่งการทดลองนี้ทำให้เห็นว่าสถานการณ์ที่มอบอำนาจให้กับผู้ใดผู้หนึ่ง อาจทำให้พฤติกรรมของผู้นั้นเปลี่ยนไปก็ได้

การทดลองสุนัขซอมบี้ (Zombie Dog Experiment)

Zombie Dog Experiment
Zombie Dog Experiment

นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย เซอร์เกย์ บรูคโคเฮนโก (Sergei Brukhonenko) และกริกอรี ไมรานอฟสกี (Grigory Moiseevich Mairanovsky) ได้เปิดเผยวิดีโอของสุนัขที่ถูกตัดออกจากร่างกายแต่ยังมีชีวิตด้วยระบบไหลเวียนเลือดเทียมด้วยการใช้กลไกหัวใจและปอดแบบพิเศษที่เรียกว่าออโตเจกเตอร์ (Autojector) นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองคนได้แสดงหัวสุนัขที่ตอบสนองต่อเสียงด้วยการกระดิกหูและกระพริบตาหรือแม้แต่เลียริมฝีปากของมันเอง ภายหลัง การทดลองสุนัขซอมบี้ นี้ได้ถูกทำขึ้นซ้ำอีกครั้งโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันในปี 2005 โดยขับเลือดทั้งหมดออกจากตัวสุนัขแล้วแทนที่ด้วยน้ำเกลือที่เติมออกซิเจนและน้ำตาลเข้าไปในร่างกายตัวสุนัข หลังผ่านไป 3 ชั่วโมงทำการถ่ายเลือดแล้วก็ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการทดลองนี้มันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ต่อมาการทดลองนี้ได้ถูกยุติไป

การทดลองกับมนุษย์ : การทดลองควบคุมจิตใจ (Project MK Ultra)

Project MK Ultra
Project MK Ultra

Project MK Ultra เป็นหนึ่งในการทดลองของ CIA ที่โด่งดังมากที่สุด เป้าหมายของโครงการนี้คือคิดค้นและพัฒนาวิธีควบคุมจิตใจที่จะนำไปใช้กับข้าศึกในช่วงสงคราม โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 1950 – 1970 โดยจุดประสงค์หลักของโครงการคือทำให้อเมริกาเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีสำหรับการควบคุมจิตใจ แต่ว่าขอบเขตของโครงการขยายมากขึ้น เลยทำให้กลายเป็นการทดสอบยาผิดกฎหมายในประชาชนจากชาวอเมริกันหลายพันรายด้วยการนำยาอย่าง LSD และสารเคมีอื่นๆ มาใช้ รวมถึงวิธีการทรมานทางจิตใจในรูปแบบต่างๆ โดยที่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนการทำงานของสมองและควบคุมสภาพจิตใจของผู้คน

มีคำสั่งให้ทำลายเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แต่ว่าในปี 1977 กฎหมายด้านข้อมูลเสรีภาพข่าวสารของประเทศอเมริกาทำให้สามารถเปิดเผยเอกสารได้มากกว่า 20,000 หน้า โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโครงการด้วยนั่นเอง ซึ่งจุดเริ่มต้นของโครงการคือชัยชนะในสงครามด้วยการอ่านจิตใจของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง

และนี่ก็คือการทดลองที่เป็นการทดลองที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ที่เราได้นำมาฝากเพื่อนๆ ชาว Ghostsfolder บอกได้เลยว่าบางการทดลองมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์แต่มันเกิดกับสัตว์ร่วมโลกของเราที่มีจิตใจ สุนัขก็มีจิตใจเหมือนกัน และถ้าเกิดเพื่อนๆ มีการทดลองที่น่าขนลุกและมีความน่าสนใจ ก็มาพูดคุยหรือฝากบอกมาได้นะคะ เราจะได้ไปหาและมาแชร์ให้กันเพื่อนๆ ค่ะ