ความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวกับการติดต่อกับมนุษย์บนโลก

มนุษย์ต่างดาว ช่วงนี้กำลังเป็นที่จับตาเมื่อมีข่าวการค้นพบเจอซากเอเลี่ยนคล้ายมนุษย์ต่างดาวในรูปแบบของมัมมี่ ซึ่งทางการรัฐสภาเม็กซิโกประกาศต่อหน้าสื่อและสาธารณะกับการค้นพบรวมไปถึงการสร้างโครงการเพื่อวิจัยและศึกษา UAP ซึ่งเรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้จะมีเนื้อหาและสันนิฐานอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบกันค่ะ

มนุษย์ต่างดาว (Alien) คืออะไร ?

มนุษย์ต่างดาว หรือ เอลี่ยน คือคำที่เกิดจากจินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์ เอาไว้ใช้เรียกสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่อาศัยอยู่บนดาวดวงอื่น คำว่า ‘มนุษย์ต่างดาว’ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Alien มีรากศัพท์มาจากคำว่า Allus ในภาษาละติน (Latin) แปลว่า อื่น ๆ (Other) ซึ่งมนุษย์ต่างดาวนั้นไม่จำเป็นต้องมีรูปร่าง หน้าตา หรือลักษณะท่าทางเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์ จึงสามารถใช้คำว่า ‘สิ่งมีชีวิตต่างดาว’ (Extraterrestrial life) แทนได้

จักรวาลคือที่อาศัยสำหรับสิ่งมีชีวิตนับล้านสปีชีส์

หากไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเกิดว่าในจักรวาลจะมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นอกจากมนุษย์ เพราะแม้แต่เราเองก็อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์สำหรับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ได้ อีกทั้งมนุษย์เองก็ไม่หยุดที่จะสงสัยและคอยตั้งคำถามกับสิ่งเหนือธรรมชาติในเชิงวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่าทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวมีจริงจะยังถูกพิสูจน์ไม่ได้ในหลาย ๆ ทาง แต่ก็เชื่อว่า “บนท้องฟ้าที่เราแหงนมองความสวยงามของมัน อาจจะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกอยู่ก็เป็นได้”

อุบัติการณ์อุกาบาตรตกโลก ล้างเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์เพื่อสร้างมนุษย์ทดแทน

มีข่าวลือและความเชื่อจากทั่วทุกมุมโลกว่า แท้จริงแล้วมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยนเป็นผู้ทำลายล้าง ปล่อยอุกกาบาตตกโลกเพื่อกวาดล้างไดโนเสาร์ เพื่อสร้างระบบวัฏจักรอื่น ๆ ขึ้นมาแทนที่ อย่างเช่น การสร้างมนุษย์และวิวัฒนาการต่าง ๆ โดยมีเหล่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกคอยบงการ ถือเป็นอีกหนึ่งขอสันนิษฐานที่ยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้อีกเช่นกัน แต่มีมูลเหตุมาจากช่วงปี 2019 ที่มีการค้นพบโอมูอามูอา (Oumuamua) ผู้เชี่ยวชาญคิดว่ามันเป็นดาวหาง แต่รูปร่างที่เหมือนซิการ์ของมันก็ทำให้เกิดแนวคิดว่ามันคือยานอวกาศ

และอีก 6 เดือนต่อมาก็มีอุกกาบาตระหว่างดวงดาวขนาดเล็กราว 1 เมตรที่ชื่อว่า IM2 พุ่งชนโลก แม้สองเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ ‘อาวี โลบ’ (Avi Loeb) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็คิดอะไรบางอย่างได้ เพราะความบังเอิญนี้ทำให้เขาและทีมงานสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่มันคือ ‘ยานขนาดเล็กซึ่งถูกปล่อยออกมาจากยานแม่ลำใหญ่’

ประสบการณ์ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว

เป็นเรื่องราวที่น่าขนลุกและรู้สึกเหนือธรรมชาติเมื่อเรื่องหนึ่งที่ถูกเล่าขานต่อกันแบบปากต่อปากถึงประสบการณ์การลักพาตัวของเอเลี่ยน ซึ่งในปี 2021 ศูนย์วิจัย PRC ของรัสเซีย ก็ได้ทำการทดลองซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า ประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัวนั้นที่แท้ก็คือการฝันแบบรู้ตัวว่าฝันอยู่ (lucid dream) มากกว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวของจริง ทีมผู้วิจัยอธิบายว่า ความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดและการเป็นอัมพาตชั่วคราวขณะฝันถึงเอเลียนนั้นรุนแรงมาก จนทำให้เส้นแบ่งระหว่างความฝันและความเป็นจริงเลือนหายไป แต่สำหรับคนกลุ่มนี้แล้ว ประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัวนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน เพียงแค่พวกเขาไม่รู้จะอธิบายออกมาให้ผู้อื่นเชื่อได้อย่างไรเท่านั้น

การก่อตั้งโครงการบลูบุคเพื่อศึกษาสิ่งแปลกประหลาดจากท้องฟ้า

โครงการบลูบุค (Project Blue Book) คือโครงการที่รวบรวมรายงานการค้นพบ UFO กว่า 12,618 รายการ ไม่ว่าจะเป็นแสงลึกลับ วัตถุ หรือเรดาร์ปริศนาซึ่งได้รับรายงานจากเหล่าทหารอากาศ นักบิน นักอุตุนิยมวิทยา นักดาราศาสตร์ และจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ แต่ในปี 1969 โครงการดังกล่าวก็ปิดฉากลง หลังจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคโลราโดสรุปว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถระบุได้ว่ายูเอฟโอมาจากดาวอื่น หรือมีการค้นพบมนุษย์ต่างดาว รวมไปถึงการพบเห็นยูเอฟโอส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ด้วยปรากฎการณ์ทางธรรมชาติหรืออาจเป็นการจัดฉากขึ้น

การปดปิดข้อมูลจากองค์กรนาซ่า

องค์กรนาซ่า (NASA) เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกเองก็มีการส่งยานอวกาศขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อศึกษาระบบจักรวาลที่เราไม่เคยรู้ และนั่นอาจจะทำให้เหล่านักบินอวกาศเคยเจอและพบเห็นมนุษย์ต่างดาว และเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ยากจะพิสูจน์เป็นหลักฐานที่ชัดเจน อย่างเช่น รูปถ่ายยืนยัน หรือเอกสารบางอย่างที่ระบุได้ถึงข้อเท็จจริงเรื่องของเอเลี่ยน

ในอีกแง่มุมของมนุษย์ก็อาจจะคิดว่ามนุษย์ต่างดาวคือภัยต่อโลก และไม่น่าใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักหากเราเลยเหล่าเอเลี่ยนที่หน้าตาประหลาด และนั่นอาจจะทำให้องค์กรนาซ่าไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ได้ แต่ภายหลังเองทางนาซ่าก็ได้ออกมาชี้แจงว่า “ไม่เคยพบเห็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกและนั่นคือเรื่องที่ต้องค้นหาต่อไป”

การพบเจอวัตถุน่าสงสัย คาดว่าเป็นยานอวกาศมาสำรวจโลก

มีข้อมูลระบุเกี่ยวกับการพบวัตุต้องสงสัย รูปร่างแปลกประหลาด ยืนยันว่าไม่ใช่ยานพาหนะของมนุษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแบบสุ่ม โดยในเดือนพฤศจิกายน ปี 2004 นักบินนาวิกโยธินสหรัฐฯ 2 คนได้รับคำสั่งให้สกัดกั้นยานลึกลับลำหนึ่งในระหว่างการฝึกซ้อม พวกเขาพบเห็นและบันทึกภาพยานลำหนึ่งมีรูปทรงวงรีที่ไม่คุ้นตา ความยาวประมาณ 12 เมตร ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกห่างจากเมืองซานดิเอโกประมาณ 160 กิโลเมตร แต่ยานลำนั้นกลับหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะบินเขาไปใกล้

ต่อมาในช่วงปี 2004-2021 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานการพบเห็นยูเอฟโอ 144 ครั้ง โดยมีการยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการพบเห็นวัตถุของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา แต่ก็ไม่มีครั้งใดเลยที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับยานบินของเอเลี่ยน ส่วนกล้องโทรทรรศน์วิทยุอาเรซิโบ ซึ่งตั้งอยู่ที่เปอร์โตริโกและเป็นอุปกรณ์หลักในการค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาวหรือมนุษย์ต่างดาวขององค์กร “เซติ” (SETI) อันโด่งดังนั้น เกิดความเสียหายอย่างหนักจนไม่อาจซ่อมแซมได้ และถึงขั้นต้องทุบทิ้งหลังจากใช้งานมานานหลายสิบปี อย่างไรก็ตามการพบเจอยานอวกาศที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นของใคร หรือใครเป็นผู้ขับก็เป็นอีกหนึ่งข้อสันนิษฐานที่ไปสนับสนุนการมีอยู่ของเอเลี่ยน

เดือนเมษายน ปี 2021 กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพวัตถุลึบลับส่งสัญญาณให้กับเรือรบสหรัฐฯ ใกล้กับรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเรื่องจริง ซึ่งเหตุการณ์การพบเห็นดังกล่าวจะนำเข้ากระบวนการตรวจสอบต่อไป และในเดือนเมษายน ปี 2022 เพนตากอน (กระทรวงกลาโหม) ได้ประกาศจัดตั้งหน่วยงาน All-domain Anomaly Resolution Office เพื่อตรวจสอบและสืบสวนวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของชาติ

มนุษย์ต่างดาวอาจติดตั้งโครงสร้างยักษ์ดึงพลังงานจากหลุมดำ

อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจสำหรับสิ่งมีชีวิตต่างดาวนั่นก็คือ ‘วิวัฒนาการ’ โดยทางทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงฮวาของไต้หวัน ได้เสนอวิธีการใหม่ที่อาจช่วยให้พบร่องรอยของเอเลี่ยนที่มีอารยธรรมและเทคโนโลยีในระดับสูง ผ่านการมองหาโครงสร้างยักษ์ ‘ไดสันสเฟียร์’ (Dyson sphere) ที่เอเลียนอาจสร้างไว้รอบหลุมดำเพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานมหาศาลไปใช้ ซึ่งได้มีการตั้งสมมติฐานว่า มนุษย์ต่างดาวที่มีอารยธรรมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระดับสูง น่าจะติดตั้งโครงสร้างยักษ์แบบไดสันสเฟียร์รอบแหล่งพลังงานต่าง ๆ ในจักรวาล โดยอารยธรรมต่างดาวที่อยู่ในระดับสูงมาก ก็อาจต้องการพลังงานมากกว่าที่ได้จากดาวฤกษ์ของตนเอง ซึ่งทำให้หลุมดำเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจในการค้นหาร่องรอยของเอเลี่ยน

เอเลี่ยนอาจจะเฝ้ามองและพยายามสำรวจโลกเหมือนกับที่มนุษย์เรากำลังสำรวจจักรวาล

เรื่องที่เกิดขึ้นจริงคือการที่มนุษย์ไม่หยุดที่จะพยายามในการสำโลกจักรวาล ที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตนับล้านสปีชีส์ และนั่นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่มีวิวัฒนาการ เทคโนโลยีที่ชั้นสูงกว่ากำลังทำแบบเดียวกันกับเรา ? เพื่อไขคำตอบในเรื่องนี้ ทีมนักดาราศาสตร์จากหลายสถาบันของสหรัฐฯ ได้ลงมือวิเคราะห์ฐานข้อมูลดวงดาวจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และผลปรากฏว่ามี “ทำเลทอง” ที่ใช้แอบมองโลกได้ชัดเจน อยู่บนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะถึง 29 ดวง

ดาวเคราะห์แบบใหม่ที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตหรือเป็นที่อยู่ของมนุษย์ต่างดาว

มีรายงานการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Astrophysical Journal เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 พบว่าอาจมีดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะอยู่อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งสามารถจะเรียกได้ว่าดาว Hycean เพราะมีแหล่งน้ำเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ และมีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลักของชั้นบรรยากาศ

โดยสภาพแวดล้อมของดาว Hycean นับว่าคล้ายคลึงกับปล่องน้ำร้อนที่บริเวณก้นมหาสมุทรของโลกอย่างมาก ซึ่งสภาพแวดล้อมแบบสุดขั้วเช่นนี้ ก็ยังสามารถเป็นแหล่งกำเนิดและที่อยู่อาศัยของจุลชีพบางชนิดบนโลกได้ ทำให้น่าสงสัยว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกันอยู่บนดาวเคราะห์แบบ Hycean ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นจำนวนมากในกาแล็กซีทางช้างเผือก

และนี่คือทฤษฎีเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยนอย่างที่ชาวบ้านเรียกกัน ถึงแม้ว่าจะจะดูเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ และเราก็ยังคงสงสัยและอยากหาคำตอบในเรื่องนี้ การพิสูจน์นั่นกำลังจะได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาโ,กเราค้นพบซากมัมมี่ของมนุษย์ต่างดาว ตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าเป็นหลักฐานปลอมรึไม่ เพราะมีข่าวว่า ผู้ค้นพบและเสนอการรายงานนี้ไม่ใช่นักข่าวที่เชี่ยวชาญเรื่องเอเลี่ยนแต่อย่างใด แต่เป็นพวกคลั่งไคล้ในเรื่องของมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งทางองค์กรนาซ่าเองก็ได้มีการแถลงเรื่องของซากสิ่งมีชีวิตนั้น พร้อมทั้งรายการเกี่ยวกับการค้นพบ UFO ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเรื่องราวที่น่าจับตามองทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะมีความจริงมากน้อยเพียงใด สามารถติดตามคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ ghostsfolder.com สารคดีและแฟ้มลับเรื่องลึกลับที่คุณอาจไม่เคยรู้