คดีฆาตกรรม กลายเป็นสารตั้งต้นสุดพิเศษที่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดต้องการ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี เรื่องราวที่เกิดจากเรื่องจริงมักเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ รวมไปถึง คดีสุดโหดที่เคยเกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์โลก จะได้เข้ามามีบทบาทในฐานะสื่อบันเทิงที่จะชวนเหล่าผู้คนด่ำดิ่งไปกับเหตุการณ์สุดระทึก เหลือเชื่อ ชวนติดตาม ทำให้ภาพยนตร์ที่เป็น Based on True Story เป็นที่น่าสนใจอยู่บ่อยครั้ง
ฆาตกรต่อเนื่อง หรือ Serial Killer ก็เป็นอีกแง่มุมมองจากเรื่องจริง ที่เหล่าผู้สร้างอยากสานต่อเรื่องราวด้วยการพัฒนามาเป็นภาพยนตร์ จะทั้งเล่าตามเหตุการณ์จริง หรืออาจะเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายและนำมาเป็นละครต่ออีกเรื่อย ๆ ก็ยังเป็นหนังที่สนุกและน่าพึงพอใจ เราเลยจะพาคุณไปเช็คลิสต์ คดีสุดโหดจากฆาตกรต่อเนื่องที่นำมาสร้างไปเป็นภาพยนตร์
เอ็ด กีน ฆาตกรนักสะสมเนื้อแห่งเพลนฟิลด์ : Psyco (1959)
‘เอ็ดเวิร์ด ทีโอดอร์ เอ็ด กีน’ หรือ ‘เอ็ด กีน’ เป็นชาวอเมริกัน ฆาตกรต่อเนื่องในคดีสุดโหดที่พูดไม่ได้เต็มปาก แต่ความน่ากลัวของเขาได้ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 1957 ตำรวจในเมืองเพลนฟิลด์ รัฐวิสคอนซิน ได้มาถึงบ้านทรุดโทรมของเขา เนื่องจากเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีปล้นร้านขายเครื่องเหล็กประจำท้องถิ่นพร้อมกับการหายตัวไปของ ‘เบอร์นิช บอร์เดน’ หญิงชราเจ้าของร้าน โดยมีพยานพบเห็นว่าเอ็ดกีนมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจเพราะก่อนหน้านี้ เขาได้เดินไปรอบสถานที่เกิดเหตุอีกทั้งยังเป็นลูกค้าคนสุดท้ายของเธอ
โดยหลังจากพบศพเบอร์นิช ก็พบหลักฐานน่ากลัวอีกมากมาย ประกอบไปด้วยซากศพมนุษย์ที่เขาแอบขุดขึ้นมาจากสุสานเพื่อเก็บสะสม องคชาติจำนวนมากเก็บไว้ในกล่อง จมูกมนุษย์ 4 อัน และหัวใจมนุษย์ หัวกะโหลกมนุษย์จำนวนมาก บางอันก็นำมาดัดแปลงเป็นเครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ เช่น เข็มขัดทำมาจากหัวนม เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผิวหนังของมนุษย์
นอกเหนือจากนี้ยังเจอส่วนหัวของเบอร์นิชอยู่ในอีกห้องหนึ่ง อวัยวะภายในอีกห้องหนึ่ง ส่วนหัวใจก็ชำแหละใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้ในครัว และที่น่าตกใจมากกว่านี้นั้นคือเสื้อผิวหนังของผู้หญิงและหน้ากากที่ลอกจากหน้าคนหลาย ๆ อันอยู่ในลักษณะสมบูรณ์ หนึ่งในนั้นคือ ‘แมรี โฮแกน’ เหยื่ออีกรายหนึ่งของเขา
เพราะคดีฆาตกรรมนี้ บรรดานักเขียนจึงหยิบเรื่องราวของเขามาเป็นต้นแบบในการเขียนนิยายและบทภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่เรื่องที่โด่งดังจนกลายเป็นหนังคลาสสิกก็คือ Psyco ที่เริ่มต้นจากการเป็นนิยายในปี 1959 จากนั้นก็ได้ผู้กำกับอย่าง อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) หยิบมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 1960
พิธีกรรมไล่ผีที่เข้าสิง แอนเนลีส มิเชล : The Exorcist (1973)
เริ่มต้นด้วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่าง ‘แอนเนลีส มิเชล’ เธอเกิดเมื่อปี 1952 ในเมืองไลบ์ฟลิง ประเทศเยอรมนี โดยเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เคร่งครัดในศาสนาคริสต์ นิกายคาธอลิก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเธอเกิดอาการลมชัก หมอได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคลมบ้าหมู จนพออายุได้ 18 ปี อาการเธอก็แย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้เธอเริ่มเห็นภาพหลอนเนื่องจากผลข้างเคยงจากยา อีกทั้งยังเริ่มมีอาการซึมเศร้า โดนนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่ไม่ดีขึ้น บวกกับเธอไม่กล้าเดินผ่านภาพของพระเยซู ไม่ยอมดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เลยสันนิฐานกันว่าเธอถูกผีสิง
ไม่รู้เลยว่าเธอต้องทรมานกับการกระทำของหัวหน้าบาทหลวงที่จัดพิธีดรรมยาวนานถึง 10 เดือน มีการไล่ผีกับเธอ 67 ครั้ง ผลก็คือเธอเริ่มไม่กินอาหารและไม่ดื่มน้ำ แต่พ่อกับแม่ก็ยังเชื่อมั่นว่าเป็นผลมาจากวิญญาณร้ายที่สิงสู่ลูกสาวของพวกเขา จึงไม่มีความคิดจะตามหมอมาดูอาการของเธอ ทำให้อาการของเธอยิ่งทรุดหนักขึ้น แล้วเธอก็เสียชีวิตในที่สุด ด้วยเหตุผลหลัก ๆ เลยก็คือ การขาดสารอาหาร
หลังจากแอนเนลีสเสียชีวิตลง ตำรวจก็เข้ามาสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ทำให้พ่อ แม่ รวมไปถึงบาทหลวงอีก 2 คนถูกตัดสินให้มีความผิดในข้อหา “ฆ่าคนตายโดยประมาท” อีกทั้งคดีนี้ยังสาวไปถึงศาสนจักร บรรดาพระผู้ใหญ่ถึงได้ออกมายอมรับภายหลังว่า พวกเขาไม่คิดว่าเธอโดนผีเข้าจริง ๆ แต่เธอน่าจะมีอาการทางจิตเสียมากกว่า และเรื่องราวนี้จึงได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างหนัง หยิบมาประยุกต์กลายมาเป็นบทภาพยนตร์เรื่อง The Exorcism of Emily Rose ในปี 1973
คดีฆาตกรรม บ้านผีสิงเอมิตี้วิลล์ : The Amityville Horror (1979)
ตำนานนี้ได้เริ่มต้นในเช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน 1974 ณ เมืองเอมิตี้วิลล์ เขตชานเมืองของรัฐนิวยอร์ก เวลา 18:30 ‘โรนัลด์ เดอฟิโอ จูเนียร์’ หนุ่มวัย 23 ปี ได้วิ่งเข้าไปในบาร์เฮนรี่ ที่อยู่ใกล้กับบ้านของเขา สร้างความแตกตื่นให้กับลูกค้าในบาร์ เมื่อเขาตะโกนบอกว่า “ทุกคนช่วยผมด้วย ผมคิดว่าพ่อกับแม่ผมถูกยิง” หลังจากตรวจสอบพื้นที่ก็เป็นเรื่องจริง โดยเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพได้พบว่ามีเฉพาะพ่อกับแม่ที่โดนยิงคนละ 2 นัด ส่วนเด็ก ๆ โดนยิงตายภายในนัดเดียว ผลการชันสูตรยังบอกได้อีกว่ามีเพียง ‘ลุยส์’ และ ‘อัลลิสัน’ ซึ่ง 2 รายนี้ที่โดนยิงขณะที่ยังตื่นอยู่
ตำรวจได้มีสอบปากคำผู้ต้องสงสัยในคดีอย่างโรนัลด์ แต่กลับได้ข้อมูลที่วกไปวนมา สุดท้ายเขาจำนนต่อหลักฐาน พร้อมสารภาพว่าเขาเองคือผู้ลงมือสังหารพ่อแม่และน้อง ๆ ของตัวเอง คำให้การของเขาช่างน่ากลัวนัก “เมื่อผมได้เริ่มลงมือไปแล้ว ผมก็สนุกจนหยุดไม่ได้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก” หมอระบุว่าเขายังเป็นโรค “บุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม” (Antisocial Personality Disorder) ศาลตัดสินให้เขามีความผิดในข้อหา “ฆาตกรรมโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน” Second-Degree Murder มีโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่สิ่งที่ผู้คนสนใจและร่ำลือกัน ไม่ใช่การฆาตกรรมยกครัวของโรนัลด์ เดอฟิโอ แต่เป็นวิญญาณอาฆาตของครอบครัวเดอฟิโอ ที่รังควาญครอบครัวใหม่ที่ย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้
และผู้ประสบเหตุก็ได้นำเรื่องราวไปเล่าให้กับนักเขียนนิยายอย่าง ‘เจย์ แอนสัน’ (Jay Anson) ก่อนจะถูกดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ในชื่อ The Amityville Horror ในปี 1979 และมีภาครีเมกในปี 2005
คดีฆาตกรรม นักเชือดแห่งเกนสวิลล์ (Gainesville Ripper) : Scream (1996)
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1990 ที่เมืองเกนสวิลล์ เหยื่อทั้งหมดในเหตุสลดนี้ล้วนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฟลอริดา ที่กำลังกลับมาเข้าชั้นเรียนกัน หลังจากปิดเทอมใหญ่ช่วงฤดูร้อนเพิ่งจะสิ้นสุดลง ‘แดนนี โรลลาง’ ฆาตกรของเรื่องนี้ที่ดูจากเหยื่อแล้วคาดว่าเขาจะชื่นชอบการฆ่าเด็กวัยรุ่นเป็นพิเศษ เริ่มที่ ‘ซอนยา ลาร์สัน’ และ ‘คริสตินา โพเวลล์’ เด็กผู้โชคร้ายเป็นนักศึกษาใหม่ ต่อมาในวันถัดอีก 1 ราย คือ ‘คริสตา ฮอยต์’
เขาได้ลงมืออีกครั้ง จัดการเหยื่อ 2 รายภายในวันเดียว คือ ‘เทรซี พอลเลส’ และ ‘แมนนี ทาโบดา’ แต่ต่อมาแดนนี่ถูกรวบตัวได้ในฐานะฆาตกรที่ก่อคดี ในวันที่ 7 กันยายน 1990 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ 4 ปี จนเข้ารับกระบวนการพิจารณาคดีในปี 1994 ศาลตัดสินให้แดนนีมีความผิดจริงทุกกระทง และถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด ในวันที่ 25 ตุลาคม 2006เรื่องราวของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนอย่าง ‘เควิน วิลเลียมสัน’ ก่อนจะดัดแปลงผลงานของเขาลงสู่หน้าจอภาพยนตร์เรื่อง Scream ในปี 1996 โดยหยิบเอาบางส่วนของ คดีมาเป็นเค้าโครง
คดีฆาตกรรม อิวาน มิลัต ฝันร้ายของเหล่านักเดินทาง : Wolf Creek (2005)
ในช่วงปี 1989 – 1994 ได้เกิดคดีหนึ่ง ที่เลื่องชื่อว่าผู้ลงมือคนนี้โหดร้ายและทารุณที่สุดในทั้งหมด อิวาน มิลัต ฆาตกรจอมเลือดเย็น ได้เริ่มจัดการกับเหยื่อในพื้นที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์ เป้าหมายคือการจัดการเฉพาะนักท่องเที่ยว Backpacker โดยเขาจะคอยตระเวนขับรถออกไปตามท้องถนน พอเจอเหล่าคนที่แบกเป้ใหญ่ ๆ ที่กำลังขอความช่วยเหลือ เขาก็จะยินดีจอดรก่อนจะะให้พวกเขาเหล่านั้นใช้บริหารสารถีใจเหี้ยม
ชื่อเสียงของเขาเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1992 หลังจากได้พบศพเหยื่อ 2 รายแรกของเขา ‘แคโรไลน์ คลาร์ก’ อายุ 21 ปี และ ‘โจแอน วอลเธอร์’ อายุ 22 ปี รายหนึ่งถูกแทงถึง 15 ครั้ง ส่วนอีกรายถูกยิงถึง 10 นัด แต่ตำรวจก็ไม่สามารถตามตัวคนร้ายได้เพราะไม่มีเบาะแส อีกทั้ง 1 ปีผ่านไป มีผู้พบศพเพิ่มอีก 2 ราย พอผ่านไป 1 เดือนก็พบเพิ่มอีก 3 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าคนร้ายคือคนเดียวกันจากเหยื่อทั้งหมด
แต่อิวานไม่อาจลอยนวลได้ เมื่อ ‘พอล อันเยินส์’ ผู้ที่เคยเป็นเหยื่อของเขาได้รอดชีวิตจากสถานการณ์เลวร้ายนั้นได้เปิดหนังสือพิมพ์เจอข่าว ก็มั่นใจเลยว่าฆาตกรในคดีนี้ต้องเป็นนายบิลคนที่เกือบฆ่าเขา ซึ่งในตอนนั้นน่าจะเป็นการก่อเหตุฯ ในช่วงแรกที่อิวานไม่มีความรอบคอบพอ ทำให้เขาโทรทางไกลไปเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีฟัง นั่นทำให้คำให้การของพอลเมื่อปี 1990 ถูกหยิบขึ้นมาเป็นเบาะแสสำคัญในการตามล่าตัว เนื่องจากข้อมูลที่ได้มานั้นมีประโยชน์อย่างมากทำให้ในปี 1994 ก็สามารถจับกุมอิวานได้สำเร็จ
เกร็ก แม็กลีน ผู้กำกับฝีมือดีได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวนี้ สานต่อความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Wolf Creek ปี 2005 เรื่องราวของนักท่องเที่ยว 3 คนในออสเตรเลียที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าจอดรับพวกเขาและเธอ แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต
ฆาตกรล่องหน Phantom Killer : The Town That Dreaded Sundown (1974)
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1946 ในเมืองเท็กซาร์คานา รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อคู่รัก ‘จิมมี ฮอลลสิส’ วัย 24 และ ‘แมรี เจน ลาเรย์’ วัย 19 ปี กำลังพลอดรัดกันแต่แล้วก็มีคนเข้ามาประชิดตัวแล้วบุกเข้าทำร้าย เอาปืนตีหัวจิมมี พร้อมทั้งลงมือลวนลามแมรีเจน โชคดีที่เขายังไม่ทันได้ลงมือรุนแรงมากก็มีคนขับรถผ่านมาทำให้เขาต้องหนีไปเสียก่อน แต่คู่รักต่อมาไม่ได้โชคดีเท่าไหร่นักเพราะ ‘ริชาร์ด กริฟฟิน’ วัย 29 กับ ‘พอลลีน แอน มัวร์’ วัย 17 ปี ได้ถูกพบเป็นศพในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยถูกยิงเข้าทางด้านหลังศีรษะทั้งสองคน แต่พบรอยเลือดอยู่ห่างออกไปจากรถประมาณ 6 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าทั้งคู่ถูกฆ่านอกรถ แล้วนำร่างยัดกลับมาไว้ในรถ
ในวันที่ 13 เมษายน ‘พอล มาร์ติน’ วัย 17 ปีมารับเพื่อนสาวของเขา ‘เบตตี้ โจ บุคเกอร์’ วัย 15 ปี แต่พวกเขาไม่ได้กลับบ้าน มีชาวบ้านพบร่างของพอลถูกยิง 4 นัด บนถนนนอร์ธ ปาร์ก ส่วนร่างของเบตตี้นั้นถูกพบห่างออกไปไกลถึง 3.2 กิโลเมตร เธอถูกยิง 2 นัด ต่อมา ‘เวอร์จิล สตาร์ก’ วัย 36 ปี กับ ‘แคธี สตาร์ก’ วัย 35 ปี ถูกฆาตกรรมภายในบ้านพักของตัวเอง โดยฆาตกรได้ทำการยิงจากนอกบ้านเข้าไปโดนเวอร์จิลที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นทำให้เสียชีวิตทันที ส่วนแคธีที่อยู่ในห้องนอนบนชั้น 2 พอได้ยินเสียงปืนวิ่งลงมาที่ชั้นล่าง เลยโดนฆาตกรล่องหนยิงไป 2 นัด กระสุนโดนบริเวณใบหน้าและปาก เธอร้องด้วยความตกใจวิ่งออกไปนอกบ้านขอความช่วยเหลือ ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ ตำรวจได้เบาะแสเพียงรอยเท้าเปื้อนโคลนของฆาตกรล่องหนที่ทิ้งไว้ในบ้าน แต่ก็ไม่สามารถสาวไปถึงตัวคนร้ายได้
เดือนกรกฎาคม ‘ยูเอล สวินนีย์’ วัย 29 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว เขามีประวัติการกระทำความผิดโชกโชนหลายคดี ทั้งขโมยรถ ทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงปลอมแปลง ถึงแม้ว่าคดีนี้จะสะเทือนขวัญแต่ก็มีภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องนักที่คนจะรู้จัก โดยเรื่องแรกถูกสร้างในปี 1974 ชื่อเรื่องว่า The Town That Dreaded Sundown ส่วน Seven Psychopaths (2012) มีฉากหนึ่งที่อ้างอิงถึงฆาตกรล่องหน และ ทีวีซีรีส์ Riverdale มีตอนหนึ่งที่ชื่อว่า “The Town That Dreaded Sundown” ที่พูดถึงฆาตกรล่องหนเช่นกัน
คดีฆาตกรรม The Snowtown Murders : Snowtown (2011)
คดีสุดท้ายเกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย มีเหยื่อถูกฆ่าตายมากที่สุดในจำนวน 7 ราย ฆาตกรในคดีนี้ได้ฉายาว่า The Snowtown Murders ตั้งตามชื่อเมืองที่เกิดเหตุ โดยฆาตกรมีด้วยกัน 3 คน คือ ‘จอห์น บันติง’ , ‘โรเบิร์ต แวกเนอร์’ และ ‘เจมส์ วลาสซาคิส’ ส่วนสมาชิกคนที่ 4 คือ ‘มาร์ก เฮย์ดอน’ คดีเริ่มต้นขึ้นในเดือนปี 1994 เมื่อมีคนพบศพ ‘คลินตัน ทรีซ์’ ในเมืองโลเวอร์ ไลต์ จนกระทั่งปี 1997 พบศพของ ‘โธมัส เทรวิลยาน’ ที่ถูกจัดฉากให้ดูเหมือนฆ่าตัวตาย
จนมาถึงปี 1999 ก็ได้เกิดคดีการหายตัวไปของ ‘อลิซาเบ็ธ เฮย์ดอน’ เบาะแสสำคัญที่ชักนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่เมืองสโนว์ทาวน์ พาไปสู่การค้นพบหลักฐาน จนในวันที่ 20 พฤษภาคม 1999 ตำรวจตามรอยไปจนเจอถังพลาสติกใหญ่ 6 ใบถูกซุกซ่อนไว้ในห้องนิรภัยของธนาคารเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ภายในถังทั้ง 6 นี้คือร่างที่ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ จากเหยื่อ 8 ราย จากคำให้การก็ได้ทราบว่า เหยื่อหลายรายน่าจะถูกทรมานเป็นเวลานานก่อนถูกสังหาร แต่อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการฉ้อฉลเพื่อหวังเงิน
The Snowtown Murders ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Snowtown ออกฉายในโรงภาพยนตร์ปี 2011 เป็นหนังที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก
ขอบคุณเรื่องราวจาก beartai และ blokdit
และทั้งหมดนี้ก็คือ 7 คดีฆาตกรรม ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ หากคุณสนใจคอนเทนต์ดี ๆ แบบนี้ เรามีให้คุณอีกมากมาย สามารถติดตามได้ที่ ghostsfolder.com
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025