เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ฆาตกรต่อเนื่องชายรักชายสุดโหด ลอยนวล 13 ปี

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ฆาตกรต่อเนื่องชายรักชายสุดโหด ลอยนวล 13 ปี

หัวข้อน่าสนใจ

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดเหี้ยม หนุ่มเกย์ผมสีทอง ตาสีฟ้า ได้ออกล่าชายผิวดำและเอเชียเพื่อสนองความวิปริตของตัวเอง ซึ่งฆาตรกรคนนี้ได้เอาชีวิตของคนบริสุทธิ์ไปถึง 17 ราย แต่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ก็ยังสามารถลอยนวล และรอดตัวมาได้นานถึง 13 ปี ซึ่งเรื่องราวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ยังได้นำมาสร้างซีรี่ส์จากทาง Netflix ชื่อเรื่องว่า Dahmer – Monster : The Jeffrey Dahmer Story นั่นเอง

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กับเรื่องราวสุดสยองของเขา

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กับเรื่องราวสุดสยองของเขา
เจฟฟรีย์ลงมือสังหารเหยื่อรายแรกในเดือนมิถุนายน ปี 1978

เจฟฟรีย์ลงมือสังหารเหยื่อรายแรกในเดือนมิถุนายน ปี 1978 ในช่วงที่เขาเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายในใหม่ๆ ตอนที่พ่อแม่ของเขานั้นหย่าร้างกัน ซึ่งหนุ่มดวงซวยรายแรกนั้นคือ สตีเว่น ฮิกส์ หนุ่มนักโบกที่บังเอิญมาเจอกับเจฟฟรีย์ โดยช่วงนั้นพ่อของเจฟฟรีย์ไม่อยู่บ้าน จึงชวนฮิกส์ไปนั่งเล่นที่บ้านของเขา ชวนกันดื่มอยู่สักพักฮิกส์ก็ขอตัวกลับ แต่เจฟฟรีย์ได้ลงมือสังหารเขาทันทีด้วยดัมเบลล์ยกน้ำหนัก ตีเข้าไปที่หัวของฮิกส์สองครั้งจากด้านหลัง

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ลงมือหั่นศพแยกเป็นชิ้นๆ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ลงมือหั่นศพแยกเป็นชิ้นๆ

จากนั้นก็ใช้แท่งเหล็กบาร์เบลรัดคอจนเขาเสียชีวิต ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของเหยื่อออก และทำการช่วยตัวเองในขณะที่ยืนอยู่เหนือศพ วันรุ่งขึ้นเจฟฟรีย์ก็ได้ลงมือหั่นศพของฮิกส์แยกเป็นชิ้นๆ และนำชิ้นส่วนทั้งหมดใส่ลงในถุงพลาสติกหลายๆ ใบและนำไปฝังที่สวนหลังบ้าน แต่อาจจะเพราะว่านี่เป็นการลงมือครั้งแรก ทำให้เจฟฟรีย์นั้นไม่สบายใจและตัดสินใจขุดศพขึ้นมาอีกครั้ง

ก่อนจะผ่าแยกเนื้อออกจากกระดูก ละลายเนื้อในกรดก่อนจะกดลงชักโครก และเอาค้อนปอน์ดขนาดใหญ่มาทุบชิ้นส่วนของศพจนแหลกละเอียด และนำเศษกระดูกไปโปรยกระจายไว้ในป่าหลังบ้าน ซึ่งหลังจากที่ถูกจับกุมเจฟฟรีย์ได้บอกว่าการที่เขาลงมือครั้งแรกได้นั้น เป็นเพราะอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยทำให้เขากล้าลงมือ ไม่ใช่การลงมือฆ่าที่ตั้งใจหรือวางแผนเอาไว้ก่อน

ไลโอเนล และ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์
ไลโอเนล และ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์

หลังจากลงมือสังหารเหยื่อรายแรกไป เจฟฟรีย์ก็เว้นช่วงไปนานกว่า 9 ปี ก่อนจะลงมืออีกครั้งในเดือนกันยายน ปี 1987 ในช่วงที่เขานั้นได้ย้ายไปอยู่กับย่าแล้ว และเหยื่อผู้โชคร้ายคนนั้นก็คือ สตีเว่น ทูโอมี ซึ่งรสนิยมทางเพศของเจฟฟรีย์นั้นก็ชัดเจนว่าเป็น “รักร่วมเพศ” เขาได้ชวนเหยื่อไปเปิดห้องพักโรงแรมเพื่อดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน แต่น่าจะเพราะว่าดื่มหนักมากไปหน่อยจนทำให้ภาพตัด เจฟฟรีย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าทูโอมีนั้นได้กลายเป็นศพไปแล้ว ในสภาพที่บริเวณปากเปื้อนเลือด

และมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณหน้าอก ซึ่งแน่นอนว่าเขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลย รู้เพียงแต่ว่าเขาต้องจัดการกับศพ เจฟฟรีย์ได้ออกไปซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นำมาใส่ร่างของทูโอมีแล้วขับกลับไปที่บ้านย่า และลงมือชำแหละศพที่ห้องใต้ดินของบ้านย่า แต่ก่อนจะจัดการกับศพ เจฟฟรีย์ก็ไม่พลาดที่จะช่วยตัวเองกับศพแล้วลงมือหั่นร่างเป็นชิ้นๆ ในแบบที่เคยทำกับเหยื่อรายแรก

ตัวจริงของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์
ตัวจริงของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์

หลังจากทูโอมีแล้ว เจฟฟรีย์ยังคงใช้ห้องใต้ดินของย่าเป็นห้องเชือดเพื่อลงมือฆ่าโหดอีก 2 ราย โดยที่ย่าไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องใต้ดินนั้น รู้เพียงแต่ว่าหลานชายตัวดีนั้นชอบเมากลับมาบ้าน แล้วลงไปทำอะไรดึกดื่นที่ห้องใต้ดินอยู่เป็นประจำ ส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้กับย่าจนไล่ตะเพิดเขาออกจากบ้านไปในปี 1988

การสังหารเหยื่อสองรายแรกเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้วางแผนไว้ก่อน แต่หลังจากทูโอมีแล้ว เจฟฟรีย์ได้ลงมือฆ่าเหยื่อทุกรายด้วยความตั้งใจ โดยการเลือกเหยื่อของเขานั้นจะเป็นเหยื่อแบบ “ชายรักชาย” โดยจะเน้นไปที่ชายผิวสีน้ำตาลหรือผิวสีเข้ม และออกตระเวนไปตามบาร์หรือย่านเกย์ในเมือง พอได้เหยื่อแล้วก็หลอกล่อพาเหยื่อเหล่านั้นกลับมาที่โรงแรมไม่ก็บ้าน ผสมยากล่อมประสาทลงในเครื่องดื่มให้เหยื่อเพื่อให้ไม่หนีไปไหน และลงมือฆ่าเหยื่อด้วยการรัดคอก่อนจะชำแหละศพแยกชิ้นส่วน

ดาห์เมอร์ลงมือหั่นศพเป็นชิ้นๆ ตัดอวัยวะเพศของเหยื่อแช่ไว้ในน้ำยาดองศพ
ดาห์เมอร์ลงมือหั่นศพเป็นชิ้นๆ ตัดอวัยวะเพศของเหยื่อแช่ไว้ในน้ำยาดองศพ

ดาห์เมอร์ลงมือหั่นศพเป็นชิ้นๆ ตัดอวัยวะเพศของเหยื่อแช่ไว้ในน้ำยาดองศพ เขาแช่ศพของเหยื่อบางรายลงในอ่างอาบน้ำด้วยกรดเกลือ ปล่อยทิ้งไว้ให้ย่อยสลาย จากนั้นก็โกยลงชักโครกหรือกวาดทิ้งลงท่อ ตัดส่วนหัวไปต้มให้เปื่อยเพื่อลอกหนังออกให้เหลือแต่กระโหลก และพยายามเก็บรักษากระโหลกศีรษะเหยื่อไว้พร้อมรูปถ่ายเพื่อเป็นที่ระลึก บางรายก็นำเนื้อมาปรุงเป็นสเต็กเพื่อกิน จนกลิ่นเน่าโชยไปเตะจมูกเพื่อนบ้านหลายต่อหลายครั้ง

แม้ว่าหญิงผิวดำเพื่อนบ้านจะโทรแจ้งตำรวจสักกี่ครั้งก็ไม่เคยเป็นผล เธอต้องทนฟังเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเหยื่อ เสียงเลื่อยไฟฟ้าหรือค้อนทุบ ที่เจฟฟรีย์นั้นใช้ลงมือชำแหละศพ รวมถึงกลิ่นเหม็นเน่าของเนื้อมนุษย์ที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ทุกวัน โดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรหรือขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย

เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดของเจฟฟรีย์นั้นมีอายุเพียงแค่ 14 ปี
เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดของเจฟฟรีย์นั้นมีอายุเพียงแค่ 14 ปี

เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดของเจฟฟรีย์นั้นมีอายุเพียงแค่ 14 ปี และมากที่สุดคือ 32 ปี เพื่อนบ้านของเจฟฟรีย์แจ้งตำรวจแต่เจฟฟรีย์ให้การว่าเหยื่อเป็นแฟนอายุ 19 ของตนและแค่เมาเท่านั้น ตำรวจตรวจห้องพักแบบส่งๆ พอเป็นพิธีเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของ “คู่รักร่วมเพศ” จึงพาตัวเด็กอายุ 14 ไปส่งให้กับเจฟฟรีย์ถึงห้องพัก ที่น่าสะเทือนใจกว่านั้นคือเจฟฟรีย์เคยก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศพี่ชายของเด็กหนุ่มเอเชียวัย 14 ปีมาก่อนในตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น จนเจฟฟรีย์นั้นถูกตัดสินจำคุกนานกว่า 1 ปี เมื่อโอกาสแก้แค้นมาถึงเจฟฟรีย์ก็ได้ลงมือสังหารน้องชายของครอบครัวนี้อีกครั้ง และปล่อยให้ครอบครัวชาวเอเชียนี้ ต้องทนทุกข์ทรมานจากการจากไปของลูกชายคนเล็กจากน้ำมือของปีศาจคนเดิมอย่าง เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์

แอนโทนี่ ฮิวส์ อายุ 31 ปี โทนี่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน
แอนโทนี่ ฮิวส์ อายุ 31 ปี โทนี่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน (ภาพจากซีรี่ส์)

เหยื่ออีกรายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ แอนโทนี่ ฮิวส์ อายุ 31 ปี โทนี่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน แต่เป็นชายหนุ่มที่ฝ่าฝันทุกอุปสรรคของชีวิตด้วยรอยยิ้ม ทัศนคติที่เปิดกว้างและมองโลกในแง่ดีเสมอมา ผู้ที่มีความฝันว่าจะได้เป็นนายแบบชื่อดังและมีอนาคตที่สดใสมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ทุกอย่างกลับต้องพังทลายลงด้วยน้ำมือของปีศาจ คนที่เขาไว้ใจและให้ใจมากที่สุด ในคืนที่เด็กหนุ่มอายุ 14 ปีโดนสังหาร ร่างที่ไร้ลมหายใจของโทนี่ก็ยังคงตกค้างอยู่ในห้องพัก และโดนชำแหละไปพร้อมๆ กับเหยื่ออายุน้อยคนนั้นในที่สุด

ภาพจริงของเจฟฟรีย์ ดาร์เมอร์ และ เหยื่อผู้เสียชีวิต
ภาพจริงของเจฟฟรีย์ ดาร์เมอร์ และ เหยื่อผู้เสียชีวิต

หลังจากการสังหารอย่างต่อเนื่อง แต่ละรายผ่านไปอย่างราบรื่น ทำให้เจฟฟรีย์เริ่มได้ใจก่อเหตุสังหารถี่ขึ้นแทบจะอาทิตย์ละ 1 ศพ เขาเริ่มมีความสุขกับการคิดค้นวิธีฆ่าเหยื่อแบบแปลกๆ เช่นการใช้วิธี “Lobotomy” หรือการใช้ของแข็งเจาะผ่านเบ้าตาไปทำลายสมองเหยื่อให้กลายเป็นทาสกามของเขา เหยื่อบางคนโดนใช้สว่านเจาะกระโหลกเข้าไปที่สมอง จากนั้นเทกรดเกลือลงไป แล้วยังอยู่ได้ถึง 4 วัน เหมือนซอมบี้ไม่มีผิด ก่อนจะถูกจับกุมตัวโดยคนที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อคนที่ 18 ของเขาในคืนวันที่ 22 กรกฏาคม ปี 1991 ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดความวิปริตอันยาวนานของ เจฟรีย์ ดาห์เมอร์

สามารถติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ Ghosts Folder – สารคดี – แฟ้มลับเรื่องสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้