ฆาตกรต่อเนื่อง

‘มาดาม โปโปวา’ ฆาตกรต่อเนื่องสาวรัสเซียที่มีคดีติดตัวมากกว่า 300 คดี

หัวข้อน่าสนใจ

ฆาตกรต่อเนื่อง ไม่ได้แค่ผู้ชายที่น่ากลัว แต่ยังมีฆาตกรต่อเนื่องจากหญิงสาวที่ดูไม่มีพิษมีภัย หรือแม้กระทั่งการใช้ความรุนแรง แต่กลับทำให้หญิงสาสวหล่านั้น กลายเป็นนักฆ่าที่แนบเนียนและไม่ได้เป็นเป้าสังเกตุ วันนี้ก็อีกเช่นเคย เราจะพาทุกคนไปอ่านอะไรสนุก ๆ กับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซียดินแดนแห่งความโหดจะรออะไรคุณอยู่ ตามไปอ่านกันได้เลย

ทำความรู้จัก ‘มาดาม โปโปวา’ ฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็นที่คร่าชีวิตผู้ชายนับร้อย (1879 – 1909)

มาดามโปโปวา หญิงสาวชาวรัสเซียที่ไม่มีวันเกิดที่แน่ชัด และไม่ค่อยมีประวัติเกี่ยวกับวัยเด็กเลย แต่เธอเกิดที่เมืองซามารา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในเขตปกครองกลางโวลก้า ในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งต่อมาในช่วงกลางศตวรรษ เธอได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง และมีเรื่องราวความรักอันแสนทรหด เธอไม่มีความสุขเลยกับชีวิตคู่

‘มาดาม โปโปวา’ ฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็นที่คร่าชีวิตผู้ชายนับร้อย
‘มาดาม โปโปวา’ ฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็นที่คร่าชีวิตผู้ชายนับร้อย

นอกจากนี้เธอยังได้พบอีกว่ามีหญิงสาวอีกหลายคนที่แต่งงานแล้วต้องพบเจอกับความโหดร้ายของสามี และปฏิบัติกับพวกเขาเหล่านั้นเหมือนกันเป็น “ชาวนาที่ถูกจับเป็นเชลย” นั่นคือสาเหตุที่นำไปสู่แนวคิดที่เลือดเย็ด ด้วยการปลดปล่อยหญิงสาวที่ต้องพบเจอกับชะตาเดียวกัน

ธุรกิจที่แฝงไปด้วย แรงจูงใจของฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็น

เมื่อเธอพบหนทางที่จะนำพาไปพบกับความสุข ถึงแม้ต้องแลกกับความเสี่ยงแต่เธอก็ยอม เพื่อปลดปล่อยตัวเองและหญิงสาวคนอื่น ๆ ให้เป็นอิสระ โดยการคิดค้นยาพิษชนิดพิเศษขึ้นมาและจัดจำหน่ายให้แก่หญิงสาวที่ต้องการสังการผู้ป็นสามีแบบแนบเนียน โดยธุรกิจของเธอจะบังหน้าด้วย ‘ชา’ เธอได้วางขายชาชิดนี้ให้กับหญิงสาวที่ต้องการฆ่าสามีของพวกเธอเท่านั้น จะไม่มีการขายเพื่อนำไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นอุดมการณ์ของเธอที่ตั้งต้นการทำธุกิจนี้

ธุรกิจที่แฝงไปด้วย แรงจูงใจของฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็น
ธุรกิจที่แฝงไปด้วย แรงจูงใจของฆาตกรต่อเนื่องเลือดเย็น

ต้นเหตุจากการกดขี่ของสังคมชายเป็นใหญ่

มาดามโปโปวาได้ช่วยเหลือผู้หญิงรัสเซียกว่า 300 คนที่ติดอยู่ในชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุข ให้กลายเป็นแม่ม่ายที่มีความสุขด้วยการป้อนยาพิษผ่านชาที่เธอชงให้สามีกินทุกวัน ธุรกิจของเธอประสบความสำเร็จเป็นเวลา 30 ปีตั้งแต่ปีช่วงปี ค.ศ. 1879–1909 จนกระทั่งหญิงสาวนายจ้างคนหนึ่งของเธอเริ่มรู้สึกผิดที่รับซื้อชาชนิดพิเศษของมาดามโปโปวาเพื่อฆ่าสามีของเธอ เธอจึงเริ่มต้นด้วยการส่งจดหมายถึงตำรวจเพื่อสารภาพสิ่งที่เธอทำลงไป พร้อมแจ้งว่าเธอรับซื้อยาพิษนี้มาจากมาดาม แต่ก็ไม่ได้มีการตอบกลับจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอจึงตัดสินใจไปให้ปากคำกับตำรวจแทน

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมมาดามในช่วงเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1909 ทำให้ธุรกิจของเธอต้องจบลง แม้จะมีการสอบสวนแต่เธอก็ได้โอ้อวดกับตำรวจว่าเธอ “ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม” และบอกว่าเธอ “ไม่เคยฆ่าผู้หญิง”

หนังสือพิมพ์รายงานข่าวอาชญากรรมและการจับกุมของโปโปวาโปโปวาอาชญากรรมและการจับกุม
หนังสือพิมพ์รายงานข่าวอาชญากรรมและการจับกุมของโปโปวาโปโปวาอาชญากรรมและการจับกุม

ตำรวจได้มีการสอบสวนเธอในคฤหาสน์หลังโตของเธอและจับกุมเธอไปพิพากษา ก็มีคำสารภาพของเธอได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศรัสเซีย ทำให้ข่าวการจับกุมฆาตกรต่อเนื่องหญิงชื่อกระฉ่อนไปถึงสาธารณชน พวกเขารู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของเธอและได้ก่อกลุ่มฝูงชนที่โกรธแค้นต่อการกระทำของเธอ ด้วยการยืนกรานด้วยจำนวนเหยื่อที่ต้องถูกเธอฆ่าอย่างเลือดเย็น และควรส่งตัวเธอให้กับพวกเขาเพื่อทำการสังหารด้วยการเผาร่างทั้งเป็น ให้เธอได้ชดใช้กับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป หลังจากสถานการณ์เริ่มลุกลาม จนทำให้จ้าหน้าที่นั่นออกคำสั่งพร้อมติดอาวุธจี้ฝูงชนหรือกันออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้เข้ามาอุ้มเธอออกไประหว่างการกุมตัวไปพิจารณคดีตามขั้นตอนของศาลยุติธรรม

คำรับสารภาพของมาดามโปโปวา ฆาตกรต่อเนื่องสาวที่ไม่สำนึกผิดกับการกระทำ

ขณะที่อยู่ในศาล เธอได้สารภาพกับการกระทำของเธอและอธิบายเพิ่มเติมว่าเธอนั้น “มีส่วนร่วมในการฆ่าผู้ชายที่ปฏิบัติต่อคู่ของตนเหมือนเป็นทาส” และการกระทำของเธอเป็น “การกระทำเพื่อการกุศล” เธอยอมรับว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้ชายพวกนั้นเสียชีวิต แต่เธอไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่อง เนื่องจากเธอใช้ยาพิษ ที่ทำให้การตายของแต่ละคนเป็นไปอย่างเชื่องช้าและเป็นธรรมชาติที่สุด โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะเสียชีวิตโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกวางยาพิษ

แถมเธอยังอ้างว่าเธอได้ฆ่าคนไปทั้งหมดประมาณ 40 คน แต่เนื่องจากเธอเป็นจัดจำหน่ายและเปิดธุรกิจนี้มานาน จึงมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรายงานว่า มีเหยื่อทั้งหมดประมาณ 300 คน ส่วนหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่จ้างมาดาโปโปวาเพื่อซื้อยาพิษชนิดพิเศษ ถูกตั้งข้อหาและพบว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม แต่พอเมื่อถึงเวลาที่การพิจารณาคดีขึ้นสู่ศาล หญิงสาวหลายคนกลับเสียชีวิตหรือไม่ก็หนีออกจากสหรัฐฯ

.

การพิจารณาคดีนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆาตกรรมและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการยิงหมู่ ซึ่งการประหารชีวิตของเธอเกิดขึ้นในปีเดียวกันที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี ค.ศ. 1909

คำรับสารภาพของมาดามโปโปวา ฆาตกรต่อเนื่องสาวที่ไม่สำนึกผิดกับการกระทำ
คำรับสารภาพของมาดามโปโปวา ฆาตกรต่อเนื่องสาวที่ไม่สำนึกผิดกับการกระทำ

ด้วยความโกรดเกรี้ยวของประชาชนทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเมื่อมาดามโปโปวา ได้รับโทษประหารเป็นการยิงเป้า และตายอย่างมีความสุขที่ได้ปลดปล่อย “ภรรยา ที่ไม่มีความสุขจากสามีผู้เผด็จการ”

.

และเรื่องราวของเธอก็ปิดตัวลง เป็นหนึ่งกรณีที่น่าสนใจทั้งเรื่องของชีวิตคู่และมุมมองทางสังคม ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ในยุคนั้นการเกิดมาเป็นผู้หญิง และแต่งงานนั้นไม่เหมือนกับฝันที่วาดเอาไว้ เพราะหลังจากที่แต่งงานแล้วจากหญิงสาวที่มีศักดิ์ศรี ได้กลับกลายเป็นเหมือนเชลยคนนึงเพียงเท่านั้น และมาดามโปโปวาเองก็ไม่ยอมต่ออำนาจและสังคมที่กดขี่เธอ ทำให้เธอตัดสินลุกขึ้นเพื่อทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ตัวเองนั้นหลุดพ้นจากความทรมาณที่ไม่จบไม่สิ้น

โดยเรื่องราวของเธอจะมีความคล้ายลึงกับเรื่องราวของหญิงสาวคนนึงที่ชื่อว่า จูเลีย โทฟาน่า (Giulia Tofana) แม่ค้าขายน้ำหอมในอิตาลี ที่ทำธุรกิจเพื่อปลดปล่อยหญิงสาวที่ต้องมีชีวิตทุกข์ในชีวิตแต่งงาน ซึ่งเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 16 ซึ่งก็เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องสาว ที่ใช้ยาพิษเป็นสื่อกลางในการฆาตกรรม

จูเลีย โทฟาน่า (Giulia Tofana) แม่ค้าขายน้ำหอมในอิตาลี
จูเลีย โทฟาน่า (Giulia Tofana) แม่ค้าขายน้ำหอมในอิตาลี

อย่างไรก็ตาม คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ควรหรือไม่ควร แต่ว่าการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นต้องเสียชีวิตเป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว แต่สาเหตุหรือเหตุผลที่พวกเขาเหล่านั้นทำลงไปเราไม่สามารถไปตัดสินได้ว่า แท้จริงแล้ว เธอต้องตกนรกถึงขุมไหนทำให้เธอต้องหาวิธีหลุดพ้น

.

สามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวหลอน ๆ และคดีฆาตกรรมได้ที่ แฟ้มลับเรื่องสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้