เชื่อว่าต่อให้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแค่ไหน เทคโนโลยก้าวไกลหรือทันสมัยมากเท่าไหร่ แต่ความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับยังคงปะปนอยู่ในสังคมอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผี วันนี้ชาว Ghostsfolder จะมาเล่าตำนานและความเชื่อของ “ผีกะ” ผีจากละครเรื่อง ‘วิญญาณแพศยา’ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชี่ยล จะมีเรื่องราวและความน่ากลัวอย่างไร ตามมาอ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ
ทำความรู้จักกับ ‘ผีกะ’
ผีกะ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผีกะคน เป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ มีลักษณะคล้ายกับผีปอบ ในแง่ของการเข้าสิงคน ราวกับว่าคนที่ผีสิงติดโรคระบาดที่ทำให้คนที่ผีสิงนั้นเป็นอันตรายต่อผู้อื่น และชอบกินของสดของคาว เหตุผลที่เรียกว่าผีกะก็เพราะว่าเป็นผีที่มักเข้าสิงคนเพื่อเรียกร้องจะกินอาหาร โดยเฉพาะพวกอาหารเนื้อสัตว์ดิบ เมื่อคนนำมาให้กินจะกินปริมาณมากอย่างที่คนทั่วไปไม่กินกันและกินอย่างตะกละตะกราม ซึ่งได้กลายมาเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง
การเลี้ยงผีกะ ความเชื่อของการเลี้ยงผีของชาวล้านนา
ก่อนอื่นต้องบอกว่าผีกะเป็นความเชื่อที่สอดคล้องกับความงามของหญิงสาว ซึ่งในอดีตเชื่อกันว่าผีตนนี้มีพลานุภาพอย่างมาก หากใครเลี้ยงไว้จะนำคุณประโยชน์มาให้โดยเฉพาะในเรื่องของความงาม ตามความเชื่อ จะถูกเลี้ยงไว้โดยมีหม้อดินเป็นภาชนะ
ส่วนใหญ่คนที่นิยมเลี้ยงผีกะนั้นจะเป็นคนที่มีวิชาอาคม จะถูกสะกดเลี้ยงไว้ในหม้อดินโดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ ในเรื่องของการเลี้ยงผีตนนี้ คนเลี้ยงจะนำหม้อผีกะวางไว้บนเพดานบ้าน และเซ่นด้วยไข่ดิบวันละฟอง ผู้คนที่เลี้ยงไว้เป็นผีประจำตระกูล มันก็จะเฝ้าดูแลรักษาทรัพย์สมบัติให้เป็นอย่างดี ฉะนั้นต้องจัดอาหารเลี้ยงให้ดีอย่าให้อดอยาก เพราะถ้าหากว่าเจ้าของเลี้ยงไม่ดีแล้วล่ะก็ มันจะออกหากินสิงสู่ชาวบ้าน เพื่อให้เจ้าของอับอายขายหน้า
บ้านที่มีลูกสาวที่ต้นตระกูลเลี้ยงผีต้นนี้ ลูกสาวบ้านนั้นจะถูกเรียกว่า “สาวผีกะ” ซึ่งพวกโรคจิต คิดไม่ดีไม่กล้าแตะต้องเพราะลูกสาวบ้านนั้นอย่างแน่นอน เพราะมันจะคอยคุ้มครอง อีกทั้งยังจะทำให้ลูกสาวบ้านนั้นดูสวยขึ้น เพราะเกรงว่าลูกสาวบ้านนั้นจะไม่มีคู่โดยเฉพาะยามค่ำคืน
ทำไมผีกะต้องเลียหน้า ?
ในอดีตผีกะนั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักแสดงลิเก หรือพวกนักดนตรีที่แสดงการละเล่นอย่างมาก โดยในสมัยนั้นจะเรียกกันว่า ผีกะพระ-นาง ซึ่งผีชนิดนี้มีลักษณะคล้ายวอกหรือค่างตัวเล็ก ๆ สองตัว มักจะนั่งบนบ่าคนเลี้ยง มีคุณประโยชน์ตรงที่หากใครเลี้ยงไว้ไม่ว่านักแสดงจะขี้เหร่แค่ไหน พอตกกลางคืน มันจะมาเลียหน้าแปลงโฉมเจ้าของและนั่นทำให้ยิ่งดึกยิ่งงดงาม
ทำให้การเลี้ยงผีกะในยุคนั้น กลายเป็นแฟชั่นของนักแสดงทางภาคเหนือในช่วงหนึ่ง และเริ่มแพร่หลายสู่ภาคเหนือในจังหวัดต่าง ๆ จนกระทั่งแยกเป็นหลายชนิด ถึงแม้ว่าผีตนนี้จะมีประโยชน์แต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะหากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอด ๆ อยาก ๆ บรรดาผีก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง ต้องหาหมอผีมาทำทำพิธีไล่ออก อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
ผีกะมีหลายประเภท ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวอย่างที่เห็นในละคร
เนื่องจากวัฒนธรรมและความเชื่อที่เริ่มต้นจากนักแสดงทางภาคเหนือในจุดเดียว และการเผยแพร่ออกมาในหลายจังหวะ ทำให้ความเชื่อและวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกันไป โดยผีกะมีหลายประเภทดังนี้
ผีกะดง
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าผีกะดงนี้มีอยู่จริงในนิทานพื้นบ้าน ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ผีกะประเภทนี้มีความดุร้าย วิ่งไวดุจลมพัด มักออกหากินเป็นฝูงในยามพลบค่ำ แต่น้ำลายของผีกะชนิดนี้วิเศษมาก สามารถนำมารักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกชนิด ทำให้ร่างกายมีความคงกระพันชาตรี
ผีกะตายโหง
เมื่อคนตายโหงจิตใจยังพะวกพะวงกับโลก จึงสิงสู่ในที่ ๆ ตาย เพราะความยึดถือในกายว่าตนเองยังไม่ตาย เมื่อไม่ได้กินอะไรนาน ๆ เข้า มันจะรู้สึกหิวกระหาย จึงเริ่มสิงสู่คนผู้มีจิตอ่อนแอ ทำให้คนนั้นๆกลายเป็นผีกะโดยไม่รู้ตัว คล้ายๆกับพวกผีปอบของทางภาคอีสาน
ผีกะอาคม
สมัยก่อนการเรียนวิชาอาคมครูจะหวงวิชามาก ดังนั้นก่อนการเรียนจะต้องมีการขึ้นครูก่อนเสมอ เพื่อให้อาคมนั้นสามารถรักษาผู้เรียนได้ โดยมีคนบางคนที่เรียนอาคมโดยไม่ได้ขึ้นครูก่อน จึงโดนคำสาปแช่งที่ครูสาปไว้ในตำรานั้น ๆ ทำให้กลายเป็นผีกะ ซึ่งผีชนิดนี้จะสิงสู่ในตัวผู้เรียนวิชาโดยไม่รู้ตัว ในยามค่ำคืนมันจะออกไปหาอาหาร โดยแปลงตัวให้เหมือนหน้าร่างกายที่มันสิงอยู่ ว่ากันว่าเป็นผีที่มีพลังเยอะมาก จัดการกับมันได้ยาก
ผีกะตระกูล
เป็นผีอีกสายหนึ่งที่มีคุณประโยชน์เช่นกัน ซึ่งชนิดนี้เป็นที่นิยมเลี้ยงในหมู่คนชาวภาคเหนือ วิธีสังเกตว่าบ้านไหนเลี้ยงผีชนิดนี้ ให้ดูนาของบ้านนั้น ๆ ไม่ว่านาจะอยู่ที่ดอนหรือในที่ลุ่ม ฝนจะแล้ง ฝนจะขาด นาของบ้านที่เลี้ยงผี จะอุดมสมบูรณ์เสมอ ไม่มีแมลงมากวน ไม่มีโรคระบาด
ความน่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองและความเชื่อของผีกะของชาวล้านนา
ผีกะของชาวล้านนานั้น จะเปรียบเสมือนเป็นเทวดา คอยดูแลคุ้มครองคนและสถานที่ให้ปลอดภัย ทำให้ในมุมมองของชาวล้านนามองว่าผีไม่ใช่สิ่งน่ากลัว หรือคอยหลอกsหลอนคน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับญาตมิตรที่สร้างความอุ่นใจที่คอยปกปักษ์รักษา และมีหน้าที่แตกต่างกันตามสถานที่ โดยความเชื่อนี้อาจจะเป็นเพียงตำนานที่เล่าต่อกันมา แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า “วันนี้ตำนานในอดีตที่ว่า ยังมีลมหายใจอยู่รึไม่” ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025