ตำนานด้ายแดง โชคชะตาแห่งความรัก หรือคำสาปสุดหลอน

ตำนานด้ายแดง โชคชะตาแห่งความรัก หรือคำสาปสุดหลอน

ตำนานด้ายแดง เป็นเรื่องเล่าขานที่มีต้นกำเนิดในวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่น ว่ากันว่า คนสองคนที่ถูกลิขิตให้เป็นคู่กันจะถูกเชื่อมโยงด้วยด้ายแดงที่มองไม่เห็นซึ่งผูกไว้ที่นิ้วก้อย ด้ายนี้แม้จะถูกยืดหรือพันกันยุ่งเหยิง แต่จะไม่มีวันขาด อย่างไรก็ตาม ในบางเวอร์ชันของตำนานนี้ ด้ายแดงไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ แต่ยังแฝงด้วยความลึกลับและเรื่องราวชวนขนลุกที่สะกดใจผู้ฟังมาอย่างยาวนาน จุดเริ่มต้นของคำสาป ตำนานด้ายแดง เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบกลางหุบเขา หญิงสาวชื่อ “หลี่เซียน” เป็นที่เลื่องลือในความงดงามและความใจดีของเธอ เธอหลงรักชายหนุ่มชื่อ “จินหาว” อย่างสุดหัวใจ แต่จินหาวกลับตกลงแต่งงานกับหญิงอื่นในหมู่บ้าน ข่าวการแต่งงานนั้นสร้างความปวดร้าวอย่างใหญ่หลวงให้หลี่เซียน เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปขอพรจาก “เทพเจ้าแห่งโชคชะตา” ผู้คอยควบคุมด้ายแดงของผู้คนในโลก หลี่เซียนอ้อนวอนต่อเทพเจ้า ขอให้ด้ายแดงของเธอถูกผูกกับจินหาวเพียงผู้เดียวตลอดกาล แต่เทพเจ้าปฏิเสธ พร้อมเตือนว่า ด้ายแดงคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจถูกบงการโดยมนุษย์ หลี่เซียนโกรธเกรี้ยวและสิ้นหวัง เธอจึงหันไปหาหมอผีผู้ลึกลับในป่าลึก หมอผีผู้นั้นเสนอวิธีการ “ผูกด้ายแดง” ผ่านพิธีกรรมมืดมน แม้วิธีนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้าทรงอนุญาต แต่หลี่เซียนก็ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจของจินหาว พิธีกรรมแห่งความมืด ในคืนพระจันทร์สีเลือด หลี่เซียนนำผมของเธอและจินหาว พร้อมกับเลือดหยดหนึ่งจากหัวใจของเธอเอง มาใช้ในพิธี หมอผีเริ่มสวดมนตร์คาถาและพันด้ายแดงที่เปื้อนเลือดรอบนิ้วก้อยของหลี่เซียน หลังจากพิธีกรรมจบลง ด้ายแดงที่มองไม่เห็นก็เริ่มทำงาน แต่แทนที่จะนำความรักและความสุขมาให้ ด้ายแดงกลับกลายเป็นสายใยที่รัดแน่นด้วยความอาฆาต จินหาวเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่มองไม่เห็น เขาฝันร้ายทุกคืน เห็นหลี่เซียนยืนอยู่ปลายเตียงพร้อมด้ายแดงที่เปื้อนเลือดในมือ เสียงกระซิบแผ่วเบาว่า “ท่านจะไม่มีวันหนีจากข้า” ยิ่งนานวันเข้า ด้ายแดงที่เชื่อมต่อทั้งสองคนกลับนำมาซึ่งความหายนะ ตำนานด้ายแดง […]