อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเด็กแล้ว ชาวโกสต์โฟลเดอร์อย่างเราก็คงต้องหาอะไรมาตามเทรนด์มาให้อ่านกันอีกเช่นเดิม โดยในวันนี้เราได้นำเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับเด็กมาให้เพื่อน ๆ กับ 13 ฆาตกรเด็กที่โหดที่สุดในโลก จะมีใครบ้าง ตามไปอ่านกันเลยค่ะ
แมรี่ เบล (Mary Bell)
เปิดมาที่ฆาตกรเด็กที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ อย่าง แมรี่ เบล (Mary Bell) เด็กหญิงที่สังหารเหยื่อด้วยการบีบคอ ในวันที่ 25 พฤษภาคม ปี 1968 ย่านนิวคาสเซิล ทางตอนเหนือของอังกฤษ เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 11 ปี ของแมรี่เด็กจากครอบครัวที่มีปัญหา เธอจึงฉลองวันเกิดด้วยการบีบคอเด็กชายที่ชื่อว่า ‘มาร์ติน บราวน์’ เด็กชายอายุ 3 – 4 ขวบ จนเสียชีวิต แล้วยังไปเคาะประตูบ้านของมาร์ติน แล้วถามหาถึงลูกชายกับผู้เปนแม่ ก่อนจะพูดยั่วว่า “ลูกคุณตายแล้วเหงาหรือเปล่า ลูกคุณตายแล้วร้องไห้หรือเปล่า”
ในวันที่ 10 กรกฎาคม ในปีเดียวกัน เธอกับเพื่อนของเธอชื่อ ‘นอม่า เบล’ ที่มีนามสกุลเหมือนกันแต่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือด ได้ฆ่าเด็กชาย ‘ไบรอัน โฮล’ วัย 4 ขวบ และสลักที่ท้องของเด็กชายด้วยอักษรย่อ M และ N ด้วยใบมีดโกน
พวกเธอทั้งสองได้ถูกศาลพิจารณาคดีในข้อหาสังหารโหดมนุษย์ 2 ราย ทำให้แมรี่ถูกจำคุกและส่งตัวไปบำบัดจิต ส่วนนอม่าได้พ้นข้อกล่าวหา ในปี 1980 แมรี่เธอถูกปล่อยตัวจากคุกเมื่ออายุได้ 22 ปีทั้ง ๆ ที่รักษาอาการป่วยไม่หาย ภายหลังเธอมีลูกและหายสาปสูญไปจากสังคม และในวันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2003 ทางการก็ประกาศว่าเธอเป็นบุคคลนิรนาม
จอร์จ สตินนีย์ (George Stinney)
วันที่ 16 มิถุนายน 1944 สหรัฐได้มีการบันทึกว่ามีตัดสินประหารชีวิตนักโทษเด็ก จอร์จ สตินนีย์ อายุ 14 ปี นักโทษประหารชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐในช่วงศตวรรษที่ 20 จอร์จฆาตกรรมเด็กผู้หญิงสองคนคือเบ็ตตี้ จูน เบ็นนิคเกอร์ อายุ 11 ปี และ แมรี่ เอ็มม่า เธมส์ อายุ 8 ปี พวกเธอถูกพบว่าเป็นศพอยู่ในบ่อโคลน จอร์จให้การว่าเขาต้องการมีเซ็กซ์กับเบ็ตตี้และฆ่าเธอในภายหลัง คดีของเขาไม่ได้รับการอุทธรณ์เนื่องจากครอบครัวของจอร์จยากจน
แบร์รี่ เดล ลูไคทีส (Barry Dale Loukaitis)
2 กุมภาพันธ์ 1996 เกิดเหตุการณ์กราดยิงตัวประกันในห้องเรียนวิชาพีชคณิต โรงเรียนเดอะฟรอนเทียร์ มิดเดิล สคูล มีผู้เสียชีวีตสามคน เป็นครู 1 คน นักเรียน 2 คน และบาดเจ็บสาหัส 1 คน ผู้ก่อเหตุหรือฆาตกรเด็กที่เราจะพูดถึงก็คือ นักเรียนชายวัย 14 ปี ที่ชื่อว่า แบร์รี่ เดล ลูไคทีส (Barry Dale Loukaitis)
ก่อนเกิดเหตุการณ์กราดยิง แบร์รี่มีอาการประสาทหลอนและคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เขานั้นได้พกปืนไรเฟิล ปืนพกขนาด.357 และ ปืนพกขนาด.25 ซึ่งปืนทั้งหมดเป็นของพ่อของเขา โดยหลังก่อเหตุแบร์รี่เขาจับตัวประกันไว้ประมาณ 10 นาที ก่อนถูกโค้ชกีฬาหลอกล่อและจับตัวเขาไว้ได้ นอกเหนือจากการป่วยทางจิตใจและปัญหาในครอบครัว ตัวของเขาเองนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากมิวสิควีดีโอเพลงเจเรมี่ (Jeremy) ของวงเพิร์ลแจม ที่เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายเพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นและครูและอ้างถึงตัวเอกในนิยายเรื่องเรจ (Rage) ของสตีเฟ่นคิงที่ฆ่าครูและเพื่อนในคลาสเรียนวิชาพีชคณิต และนั่นทำให้แบร์รี่ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตกับจำคุก 205 ปี หรือเท่ากันว่าตลอดชีวิต
ไบรอัน ฟรีแมน และ เดวิด ฟรีแมน (Brian and David Freeman)
ไบรอันวัย 17 ปี และเดวิด ฟรีแมน วัย 16 ปี (Brian and David Freeman) ฆาตกรเด็กสองพี่น้องร่างยักษ์ สูงกว่า 6 ฟุต หนักกว่า 200 ปอนด์ ซึ่งภาพที่คุณเห็นข้างบนนั้นไม่ใช้รอยสักธรรมดา แต่เป็นรอยสักแก๊งนีโอนาซี (Neo-Nazism) ลัทธิที่เคลื่อนไหวเพื่อฟื้นคืนลัทธินาซี
โดยสองพี่น้องถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันทีหลังมีการพบศพแม่ของสองพี่น้องและน้องชายคนรอง ถูกไม้เบสบอลทุบจนตายในบ้านพักเขตเมืองซอลส์บรี มลรัฐเพนซิลวาเนีย ในปี 1995 ซึ่งในคืนก่อนหน้าที่เกิดเหตุ มีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะกันระหว่างผู้ปกครองและสองพี่น้องดังกล่าว สุดท้ายสองพี่น้องก็ถูกจับคุกตลอดชีวิต เนื่องจากคือผู้ก่อเหตุและได้ลงมือทำร้ายร่างกายแม่และน้องชายคนรองจนเสียชีวิต
นัตสึมิ ซึจิ (Natsumi Tsuji)
นัตสึมิ ซึจิ (Natsumi Tsuji) วัย 12 ปี ที่ได้รับฉายาว่าเป็นฆาตกรเด็กที่น่ารักที่สุดในโลก เรื่องราวมันเริ่มต้นที่นัตสึมิได้มีการโต้เถียงกับซาโตมิเพื่อนร่วมชั้นผ่านเว็บบอร์ดของเธอเกี่ยวกับการไซเบอร์บูลลี่ (Cyber Bully) ทำให้เธอโกรธแค้นและต้องการทำให้ซาโตมินั้นหายไป โดยในวันเกิดเหตุเธอได้ไปโรงเรียนเป็นปกติ แถมยังร่วมเฟรมถ่ายภาพหมู่กับเพื่อน ๆ และครู ก่อนที่จะลากเพื่อนร่วมชั้นที่เธอแค้นไปเชือดคออย่างเลือดเย็น แถมยังรอเวลาอีกถึง 15 นาที จนคิดว่าเพื่อนตายสนิทแล้วถึงออกจากที่เกิดเหตุ ในวันที่เธอโดนจับ แต่เธอยังหันมายิ้มหวานใส่กล้อง ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องสยดสยองขึ้น
ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่า เนวาด้าทัน เพราะในวันที่เธอลงมือสังหารเพื่อน เธอใส่เสื้อที่สกรีนลายคำว่า ‘Nevada’ ส่วนคำว่า ‘ทัน’ หลังชื่อนั่นคือคำที่เอาไว้ใช้เรียกเด็กที่น่ารัก หรือผู้หญิงน่ารัก พ้องคำว่าว่า ‘จัง’ นั่นเอง
วิลลี่ บอสเก็ต (Willie Bosket)
วิลลี่ บอสเก็ต (Willie Bosket) เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1962 เขาถูกตัดสินกลายเป็นฆาตกรเด็กในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่นิวยอร์ก เขาฆ่าเหยื่อเพียงเพราะชิงทรัพย์เท่านั้น แต่การตัดสินของเขาใช้กฎหมายผู้เยาว์มันไม่สาสมต่อการกระทำอันอุกอาจของเขา ทำให้สภาได้ร่างกฎหมายเพื่อให้เยาวชนต้องรับโทษแบบผู้ใหญ่ในคดีอุกฉกรรจ์ขึ้นมา
โดยในวันที่ 19 มีนาคม 1978 วิลลี่ได้ใช้ปืนยิง ‘โนเอล เปเรส’ (Noel Perez) บนรถไฟใต้ดินนิวยอร์กเพียงเพื่อขโมยเงินจำนวนหนึ่งและนาฬิกาข้อมือ 8 วันต่อมาวันเขายิง ‘โมเลส เปเรส’ ( Moises Perez ) นามสกุลเหมือนกันแต่ไม่มีความสัมพันธ์กับเหยื่อรายแรก ก่อนจะขโมยเงินของเหยื่อไป ทำให้เขาถูกตัดสินโดยกฎหมายเยาวชนก่อนที่ร่างกฎหมายใหม่จะเสร็จ หลังจากถูกจำคุก 4 ปีให้หลัง ก็ได้ถูกปล่อยตัวในช่วงปี 1983 แต่สุดท้ายไม่นานเขาก็ถูกจับได้อีกครั้งในคดีลอบวางเพลิงและคดีร้ายแรงอีกมากมาย ก่อนจะถูกตัดสินโดยกฎหมายใหม่ในที่สุด และนั่นทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและถูกขังเดี่ยวในเรือนจำนิวยอร์กจนถึงทุกวันนี้
อีริค สมิธ (Eric Smith)
อีริค สมิธ (Eric Smith) ฆาตกรเด็กอายุ 13 ปี ที่มักจะถูกแกล้งอยู่เป็นประจำอันเนื่องมาจากเขาไม่ได้เป็นเด็กที่หน้าตาดี สวมแว่นหนา หน้าตกกระ ผมแดงและหูที่ยื่นยาวออกมา เชื่อกันว่ามาจากผลข้างเคียงในการรักษาโรคลมบ้าหมูของแม่ของเขาขณะที่เธอตั้งครรภ์
เขาถูกจับกุมหลังจากที่ฆ่าเด็กชายวัย 4 ขวบที่ชื่อ ‘เดอริค โรบี้’ (Derrick Robie) โดยการรัดคอ อีกทั้งหลังชันสูตรศพพบว่าหัวของเขาถูกทุบด้วยหินก้อนใหญ่ และเมื่อตำรวจถามอีริคถึงสาเหตุในการฆ่า เขาไม่สามารถให้คำตอบที่แท้จริง ซึ่งทางด้านจิตแพทย์วินิจฉัยว่าเขามีความผิดปกติในการควบคุมอารมณ์ เป็นสภาวะที่บุคคลไม่สามารถควบคุมความโกรธเคืองภายในจิตใจ ทำให้เขาถูกตัดสินว่ากระทำผิดและถูกจับเข้าคุก จนถึงทุกวันนี้เขาเป็นนักโทษมาแล้ว 8 ปี และถูกปฏิเสธทัณฑ์บนมาถึง 5 ครั้ง
เกรแฮม ยัง (Graham Young)
เกรแฮม ยัง (Graham Young) ฆาตกรเด็กหรือผู้หลงใหลในความรู้เกี่ยวกับยาพิษต่าง ๆ เขาเริ่มการทดลองเกี่ยวกับยาพิษเมื่ออายุ 14 ปี เขาโกหกอายุเพื่อทำให้สามารถหาซื้อสารเคมีต่าง ๆ เท่าที่ต้องการ และที่น่าเสียใจในเรื่องนี้คือ ครอบครัวและเพื่อนของเขาคือเหยื่อของเขา
พวกเขาเริ่มมีไข้ อาเจียน ท้องเสีย กระเพาะอาหารเป็นแผล โดยเกรแฮมในวัย 14 มีความรู้ในวิชาเคมีเทียบเท่าระดับปริญญาตรีจากการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องสมุด ซึ่งในบางครั้งเขาก็เป็นเหยื่อเสียเองเพราะลืมว่าใส่ยาพิษลงในอาหารของตัวเอง อีกทั้งยังถูกจับเพราะครูคนหนึ่งตรวจโต๊ะเรียนของเขาในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน ทำให้พบยาพิษ บันทึกต่าง ๆ และหลักฐานทั้งหมด นำไปสู่การแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นเขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมชั่วร้ายของเขาได้ เพราะเขาได้วางยาพิษเจ้าหน้าที่พยาบาลและเพื่อนผู้ต้องขัง มีคนตาย 1 คน อย่างไรก็ตามหลังเขาถูกจำคุกก็ได้รับการปล่อยตัวเมื่ออายุ 23 ปี และอาศัยอยู่กับพี่สาวของเขาและกลับมาวางยาพิษเพื่อนร่วมงานอีก เขาถูกจับเป็นนักโทษอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาต้องอยู่นั่นตบอดชีวิตจนสิ้นลมหายใจ
เอ็ดมุนด์ เคมเปอร์ (Edmund Kemper)
ในวันที่ 27 สิงหาคม ปี 1964 ที่เบอร์แบงค์ แคลิฟอร์เนีย เอ็ดมุนด์ เคมเปอร์ (Edmund Kemper) ฆาตกรเด็กที่ในขณะนั้นอายุเพียง 15 ปี ได้สังหารตากับยายด้วยปืนล่าสัตว์ (ยิงยายแล้วก็เอามีดหั่นเนื้อแทงยายซ้ำ ๆ จน ปลายบิดงอ) หลังถูกตำรวจจับกุมเขาอ้างเหตุผลในเวลาต่อมาว่าแค่อยากรู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับการฆ่ายาย เขาถูกวินัจฉัยว่าเป็นโรคจิต (แต่มีไอคิวถึง 140) ทำให้เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
เคมเปอร์ในวัย 21 ปี ได้ถูกปล่อยตัว แสร้งแกล้งทำเป็นว่าหายขาดจากอาการป่วยและถูกปล่อยสู่สังคม เมื่อออกสู่ภายนอกเขสก็ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โดยการซื้อรถคันหนึ่งรับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงนักโบกรถและใช้ปืนยิง แทงให้ตาย ตัดศีรษะ หั่นศพ บางรายถึงกับนำเนื้อไปกินที่บ้าน มีเหยื่อที่โดนสังหารด้วยวิธีนี้กว่า 6 ราย และในวันที่ 20 เมษายน 1973 เขาก็ฆ่าแม่ของตัวเองโดยการทุบหัวเธอด้วยค้อนขณะที่เธอหลับอยู่ จากนั้นก็ตัดหัวเธอออกแล้วข่มขืนศพที่ไร้หัวนั้น จากนั้นเขาก็เอาหัวแม่มาใช้เป็นเป้าปาลูกดอกและเอากล่องเสียงไปทิ้งขยะ เท่านี้ยังไม่พอเขายังฆ่าเพื่อนแม่อีกคน ก่อนที่จะโทรแจ้งตำรวจมาจับตนเอง เคมเปอร์เข้าได้สารภาพกับตำรวจว่า แม่เป็นหญิงสารเลว สมควรตาย สุดท้ายเขาถูกตัดสินคดีฆาตกรรม 8 คดีและถูกลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิต
ลอรี่ แทคเก็ต (Laurie Tackett)
เช้าวันเสาร์ของวันที่ 11 มกราคม ปี 1992 พี่น้องคู่หนึ่งได้ออกไปล่านกกระทาในเขตป่าเจฟเฟอร์สัน (Jefferson) และแล้วเขาก็พบร่างหนึ่งที่ตอนแรกเขานึกว่าจะเป็นตุ๊กตาแต่ปรากฏว่ามันเป็น ศพของ ‘ซานต้า ซาลีเออร์’ (Shanda Sharerwho) โดยสภาพศพของเธอบ่งบอกถึงการกระทำอันโหดร้าย มีรอยไหม้อย่างรุนแรงและรอยแผลที่ถูกฟันและแทงด้วยอาวุธมีคม จากการสอบสวนพบว่าฆาตกรคือ ลอรี่ แทคเกอร์ (Laurie Tackett) ฆาตกรเด็กที่มีอายุเพียง 18 ปี ซึ่งเธอฆ่าซานต้าเพราะเป็นรักสามเศร้า
ลอรี่เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1974 ในเมืองแมดิสัน แม่ของเธอที่ชื่อว่า ‘อินเดียน่า’ เป็นชาวคริสเตียนที่เคร่งศาสนา ส่วนพ่อเป็นคนงานโรงงานต้องโทษคดีอาญาร้ายแรงและเธออ้างเคยทำร้ายเมื่อตอน อายุ 5 และ 12 ปี
จอน เวนาเบิล และโรเบิร์ต ทอมป์สัน (Jon Venables and Robert Thompson)
ในปี 1993 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จอน เวนาเบิล (Jon Venables) และโรเบิร์ต ทอมป์สัน (Robert Thompson) สองเด็กจากครอบครัวมีปัญหา ในวันเปิดเรียนพวกเขาสองคนนี้ไม่ได้ไปเรียน แต่พวกเขาไปห้างสรรพสินค้า ขโมยลูกกวาด, ตุ๊กตาคอหมุนๆ, แบตเตอรี่จำนวนหนึ่ง, กระป๋องสเปย์สีน้ำเงิน 1 กระป๋องและขโมยสิ่งที่พวกเขาน่าสนใจนั่นก็คือ เด็กน้อยที่ชื่อว่า ‘เจมส์ บัลเกอร์’ (James Bulger) อายุ เพียง 2 ปี กับ 11 เดือนเท่านั้น
ฆาตกรเด็กทั้งสองได้พาเด็กเดินจนขาลากไปกว่าหลายไมล์เรื่อยเปื่อยเป็นเวลานานจนกระทั่งมาถึงรางรถไฟ ก่อนจะตัดสินใจฆ่าเด็กโดยฉีดสีสเปย์ใส่ตาเหยื่อ จากนั้นก็รุมทุบตีด้วยมือและเท้า ท่อนเหล็กและก้อนหินกระหน่ำไปใส่ที่หัวของเด็กน้อยกว่า 42 แผลด้วยความเมามันจนกะโหลกแตก จากนั้นก็เปลือยท่อนร่างเอาแบตเตอรี่ยัดที่รูทวาร ทำการลากศพไปวางบนรางรถไฟเพื่อให้รถไฟทับเพื่ออำพรางคดี และเมื่อมีการพบศพเจมส์ในเวลาต่อมา เด็กทั้งสองก็ถูกจับเกือบทันทีเพราะหลักฐานจากภาพที่ถูกบันทึกได้จากวงจรปิด
หลังจากถูกจับกุม เด็กทั้งสองเอาแต่ร้องโวยวาย ใช้ความเป็นเด็กไร้เดียงสาบอกว่าไม่รู้เรื่องและโยนความผิดไปอีกฝ่ายไป ๆ มาจนคดีนี้ไม่แน่ชัดว่าใครต้นคิดใครฆ่าเจมส์กันแน่ แต่ท้ายสุดศาลอังกฤษตัดสินจำคุกเด็กสองคนแบบกฎหมายผู้ใหญ่และทั้งสองถูกปล่อยตัวออกมาสู่สังคมในปี 2001
โจชัวร์ ฟิลิปส์ (Josh Phillips)
คดีจากฆาตกรเด็กนี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 1998 ในฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา เมื่อเด็กน้อยเพื่อนบ้าน โจชัวร์ ฟิลิปส์ (Josh Phillips) ชื่อ ‘แมดดี้ ชลิฟตัน’ (Maddie Clifton) อายุ 8 ขวบ ได้หายตัวไปจากบ้านของเขาเอง ตำรวจและอาสาสมัครกว่า 400 คน ทำการค้นหาและเสนอรางวัลเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเดิมแต่สุดท้ายก็ไร้ผล
7 วันต่อมาหลังการหายตัวไปของแมดดี้ แม่ของโจชัวร์ได้ทำความสะอาดห้องของเขาและพบว่ามีกลิ่นประหลาดจนกระทั่งพบร่างของแมดดี้ซ่อนอยู่ เธอตกใจและหนีออกนอกบ้านเพื่อแจ้งตำรวจ โจชัวร์ ซึ่งตอนนั้นอายุ 15 ปี สารภาพว่าเขาทุบตีเพื่อนบ้านด้วยไม้เบสบอลจนเสียชีวิตและเขาหอบศพเธอซ่อนในห้องเขาและใช้มีดแทงเธอ อีก 11 ครั้ง คณะลูกขุนได้ตัดสินให้เขาจำคุกโดยปราศจากทัณฑ์บนและตอนนี้เขายังอยู่ในคุกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เบรนด้า แอน สเปนเซอร์ (Brenda Anne Spencer)
วันจันทร์ 26 มกราคม ปี 1979 สาวน้อยฆาตกรเด็กที่ชื่อว่า เบรนด้า แอน สเปนเซอร์ (Brenda Anne Spencer) อายุ 16 ปี ได้ใช้อาวุธปืนไรเฟิล Automatic.22 ที่ได้รับเป็นของขวัญจากพ่อในวันคริสต์มาส กราดยิงเด็ก 8 คนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงเรียนคลีฟแลนด์ อีลิเมนท์ทาลี่สคูล ในซานดิเอโก้ และพยายามฆ่าครูใหญ่เบอตัน แวคก์ และผู้ปกครอง
เธอถูกตำรวจจับกุมหลังจากนั้น 5 ชั่วโมงและถูกตั้งคำถามถึงเหตุผลต่อการกระทำการฆาตกรรมหมู่ในโรงเรียนครั้งนี้ เธอยักไหล่และตอบกลับว่า “ฉันเกลียดวันจันทร์มันไม่มีเหตุผล และฉันก็ทำไปเพราะมันสนุกมาก ๆ เหมือนกับได้ยิงเป็ดในบ่อน้ำ อีกอย่าง เด็ก ๆ พวกนั้นเหมือนฝูงวัวตัวเมียยืนอยู่รอบ ๆ ซะด้วยสิ”
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 13 อันดับฆาตกรเด็กที่โหดที่สุดในโลก ที่เราชาว Ghostsfolder ได้นำมาฝากเพื่อน ๆ เพื่อต้อนรับวันเด็กที่ใกล้จะถึงนี้ บอกได้เลยว่า วลีที่ว่า “ลูกของคุณไม่ได้น่ารักเสมอไป” ยังคงใช้ได้ โดยเฉพาะเหตุการ์และคดีฆาตกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยฆาตกรเด็กที่ดูภายนอกแล้วไร้เดียงสา แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมและอำมหิตจนสามารถกระทำการอันเลวร้ายที่ได้อย่างไม่สำนึก
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025