คดีฆาตกรรม

บ้านเช่า… บูชายัญมีจริง! คดีฆาตรกรรมสุดโหด ฆ่าลูก แม่สวดบทบูชายัญ รวบทั้งแก๊ง

หัวข้อน่าสนใจ

ใครจะไปรู้ว่าว่าครอบครัวที่อาศัยอยู่ในในสวนมะพร้าวด้วยความเงียบสงบ ณ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จะเกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันขึ้น คดีฆาตรกรรมสุดโหดเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ด้วยการฆ่าปาดคอลูกสาววัย 12 ขวบ เพราะมีความเชื่อว่ามันจะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย และดวงวิญญาณของเด็กนั้นจะไปสู่สรวงสวรรค์ภายใต้การดูแลของพระอินทร์ 

ลัทธิบ้าคลั่ง ยอมแม้กระทั่งคร่าชีวิตลูกสาว

เรื่องราวที่สุดแสนจะเหลือเชื่อนี้ เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยในช่วงปี 2547 วันที่ 4 ตุลาคม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดำเนินสะดวก ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคดีฆาตรกรรมสุดโหดในบ้านหลังนี้ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและต้องพบกับภาพอันชวนตกตะลึง เพราะภาพที่เห็นคือร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงอายุ 12 ปี สิ้นลมหายใจนอนจมกองเลือดอยู่กลางโถงบ้าน บริเวณลำคอของศพถูกของมีคมปาดจนหลอดลมขาดวิ่น ข้างศพมีมีดอีโต้อยู่ข้าง ๆ สันนิฐานว่าเธอน่าจะเสียชีวิตมาแล้วกว่า 10 ชั่วโมง

ในที่เกิดเหตุ พบหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียงในช่วงก่อเหตุ โดยนางกาญจนาได้พูดว่า “เสียสละชีวิตให้แม่เถอะลูก…” ก่อนเงื้อง้างมีดฟันฉับบั่นคอลูกสาววัย 12 ปี ซึ่งเสียงสนทนานี้กลายเป็นหลักฐานสำคัญของคดีฆาตรกรรม ถึงการพูดคุยในวาระสุดท้าย เสียงร้องขอชีวิตของลูกยังชัดแจ้ง แม้จะอ้อนวอให้แม่เลิกการกระทำอันคลั่งบ้านั้นเท่าไหร่ก็ตาม ก็ไม่ได้ช่วยให้แม่ได้สติ

ลัทธิบ้าคลั่ง ยอมแม้กระทั่งคร่าชีวิตลูกสาว
ลัทธิบ้าคลั่ง ยอมแม้กระทั่งคร่าชีวิตลูกสาว

รวบยกแก๊งคดีฆาตรกรรมบูชายัญ

หลังจากตรวจสอบสภาพศพเรียบร้อยแล้ว พบว่าศพของเธอดวงตาเบิกโพลง เหมือนกับกำลังจ้องมองพิธีกรรมอันแปลกประหลาดของแม่ของเธอที่ฆ่าเธอเพื่อบูชาสิ่งลี้ลับ ข้างศพนั้นพบว่ามีเส้นผมจำนวนมากจุ่มอยู่ในถังน้ำ ส่วนที่นอนและเสื้อผ้าของคนตายถูกเผาที่ข้างบ้าน การตายอย่างผิดปกติมนุษย์มนาแบบนี้ ทำให้ตำรวจต้องออกแรงเร่งค้นหาฆาตกรที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน

เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังขึ้นไปยังบ้านชั้นสอง ค่อย ๆ เดินและเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่นานก็ได้ยินเสียงประหลาดเหมือนคนพะงึมพะงำสวดมนต์ด้วยภาษาแปลก ๆ ทุกคนจึงหยุดยืนที่ห้องชั้นล่าง พยายามงัดประตูที่ล็อกกลอนไว้อย่างแน่นหนา แข่งกับเสียงสวดประสานที่เร่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อประตูได้เปิดขึ้น พบหญิง 4 คน ที่เป็นเครือญาติ กำลังนั่งวงล้อมทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง และกำลังสวดบริกรรมคาถาด้วยถ้อยคำไม่ได้ศัพท์ที่เราเองก็ไม่คุ้นหู แถมยังพูดถึงการบูชาพระอินทร์ เรื่องราวดูบานปลายไปเสียหน่อย เพราะการเข้าจับกุมในที่เกิดเหตุคดีฆาตรกรรมนั้นดูวุ่นวาย เมื่อแม่ของเด็กหญิงผู้ตายพยายามที่ขัดขืน โดยการพยายามใช้มีดทำร้ายเจ้าหน้าที่ และยังมีการอ้อนวอนให้เทพเจ้าลงมาช่วยเหลือพวกเธอ ให้พ้นจากเงื้อมมือตำรวจ

พบหญิง 4 คน ที่เป็นเครือญาติ กำลังนั่งวงล้อมทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
พบหญิง 4 คน ที่เป็นเครือญาติ กำลังนั่งวงล้อมทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง

การสืบสวนสอบสวนที่ยิ่งฟังยิ่งสลดใจ

จากการสอบปากคำ “นางกาญจนา” ผู้ต้องหาคดีฆาตรกรรม ขณะนั้นอายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าว ก็มีการให้ปากคำวกไปวนมา ดูสับสนและไม่ทราบแน่ชัดว่าอันไหนเรื่องจริงเรื่องไม่จริง เหมือนกับคนที่เสียสติไปแล้ว แต่ที่พอจับใจความได้คือ แม่ของเด็กหญิงเป็นผู้ลงมือฆ่าลูกด้วยตัวเองจริง โดยเธอนั้นอ้างว่าสามารถติดต่อกับพระอินทร์และก่อนเกิดเหตุ เธอได้เข้าทรงพระอาทิตย์ และได้รับคำสั่งจากพระอินทร์ ทำการฆ่าลูกสาวของเธอเพื่อเป็นการบูชา จึงสั่งให้ “นางอนงค์” อายุ 45 ที่เป็นน้องสาวของเธอ ไปตัดต้นมะพร้าวที่สวนข้างบ้านให้หมด ก่อนจะทำการสังหารลูกสาววัย 12 ปี จากนั้นก็ได้ตัดเส้นผมของเด็กหญิงมาแช่น้ำ และนำเสื้อผ้ากับที่นอนไปเผาเพื่อส่งดวงวิญญาณ ซึ่งการกระทำของแม่เป็นไปเพื่อการปลดปล่อย ทำให้สิ่งอัปมงคลทั้งหมดเสื่อมสลายไป

การสืบสวนสอบสวนที่ยิ่งฟังยิ่งสลดใจ
การสืบสวนสอบสวนที่ยิ่งฟังยิ่งสลดใจ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตำรวจสืบประวัติพบว่าแม่มีประวัติถูกกระทำชำเราตั้งแต่อายุ 17 ปี จนเกิดตั้งท้องเด็กหญิง หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาทางสุขภาพจิต แต่อวดอ้างว่าสามารถสื่อสารกับพระอินทร์ได้ ภายหลังการจับกุมนั้นได้ส่งตัวแม่และเครือญาติทั้งหมด 4 คน เข้าสู่กระบวนการบำบัดทางสุขภาพจิตและได้รับโทษจากการกระทำอันโหดเหี้ยมเรียบร้อยแล้ว

ความน่าสนใจของคดีฆาตรกรรมนี้ ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับละครเวทีเรื่อง “วิปลาส” โดยนักศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ชาวโซเชียลต่างก็พูดถึงในความหลอนของละครเรื่องนี้ มีการเล่าเรื่องราวลงแพลตฟอร์มทวิตเตอร์เกี่ยวกับการถ่ายทำทีเซอร์ที่เชียงคาน ความหลอนมีให้ได้เจอได้แบบไม่มีสิ้นสุด จนถึงขั้นมีการแสดงจริง ๆ ไปแล้ว คนรอบตัวก็เจอกับเหตุการณ์ประหลาดมากมาย และหนึ่งในความหลอนนั้นคือในฉากที่มีการรำนั้นมีคนเห็นเงาคนซ้อนกับคนแสดงจับมือช่วยรำ แต่พอเปิดไฟขึ้นมากลับไม่มีใครอยู่

นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ “บ้านเช่าบูชายัญ” ที่เพิ่งฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ทำให้มีการขุดคดีฆาตรกรรมขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นการย้อนรอยความโหดที่นอกจอเงิน สัมผัสกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริง น่ากลัวจริง และบ้าคลั่งจริง ๆ

.

สามารถติดตามเรื่องราวของความสยองขวัญทุกรูปแบบได้ที่ ghostsfolder.com