เปิดตำนาน ผีดูดเลือด กับความโหดของ Countess Elizabeth Bathory

เรื่องราวของ เคาท์แดร็กคูล่า ที่คอยออกท่องราตรี ผีดูดเลือด คอยหาเลือดสดๆ ของหญิงสาวมาดื่มกินนั้นนับเป็นนวนิยายขึ้นหิ้งสุดคลาสสิคเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าท่านเคาท์แดร๊คคูล่าตัวจริงชื่อ วลาด ดราคูล (Vlad III Dracul) นั้นแม้จะมีความเหี้ยมโหดจริง แต่นั่นก็เป็นเพราะการทำศึกสงคราม เทียบไม่ได้เลยกับตำนานความโหดของ เคาท์เทส อลิซาเบธ บาโธรี่ (Countess Elizabeth Bathory) เจ้าของปราสาทแอคติส อันเก่าแก่

Countess Elizabeth Bathory ตำนานผีดูดเลือด แห่งสโลวาเกีย

ปราสาทแอคติส (Čachtice Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้านแอคติส ประเทศสโลวาเกีย สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 13 ถูกมอบเป็นของขวัญวันแต่งงานของอลิซาเบธกับท่านเคาท์ ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ( Ferenc Nádasdy) ซึ่งในภายหลังปราสาทแห่งนี้จะกลายมาเป็นทั้งที่อยู่อาศัย เรือนจำ และที่คุมขังทรมานอันสุดแสนจะอำมหิตในที่สุด

หลังจากแต่งงานแล้วท่านเคาท์เองก็ต้องคอยออกรบกับฝ่ายออตโตมานเติร์กอยู่เนืองๆ จึงมิค่อยได้เข้ามาจัดการเรื่องราวภายในบ้านมากนัก จึงเป็นช่องว่างให้อลิซาเบธสามารถทำอะไรตามใจชอบได้ ตั้งแต่การคบชู้สู่ชาย (และหญิง) ประกอบพิธีไสยศาสตร์มนต์ดำในห้องใต้ดิน ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่นางกระทำจนได้ฉายาว่า Bloody Lady of Čachtice และกลายมาเป็นหนึ่งในฆาตกรฆ่าต่อเนื่องมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

ประวัติ ผีดูดเลือด เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ ผู้หญิงที่โหดที่สุดในโลก

เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในเมือง Nyírbátor ประเทศฮังการี นับเป็นหญิงสาวรูปโฉมงดงาม เกิดในตระกูลสูงส่ง มีความฉลาดเฉลียว รู้ภาษา 3 ภาษา (ละติน เยอรมัน และกรีก) สนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์

ราวกับถูกสาปก็มิปาน นอกเหนือจากความฉลาด และรูปโฉมแล้ว เธอกลับเป็นคนที่มีนิสัยโหดเหี้ยม ชอบความรุนแรง อารมณ์ไม่แน่นอน และมีโรคประจำตัวแต่กำเนิด คืออาการปวดหัวเรื้อรังรักษาอย่างไรก็ไม่หาย มีเรื่องเล่าว่าในสมัยเด็ก เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนกัดเนื้อไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาลหลุดออกมา เมื่อได้ยินเสียงสาวใช้กรีดร้องลั่นกลับทำให้อาการปวดหัวของเธอทุเลาลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ นับแต่นั้นมาเธอจึงเริ่มเสพติดเสียงกรีดร้องของผู้คน เมื่อเกิดอาการปวดหัวเธอก็จะทรมานสาวใช้ประหนึ่งเป็นยาแก้ปวดชั้นยอด

แต่แม้เธอจะเป็นดั่งราชินีในอาณาจักรของตนเอง ก็ไม่อาจหนีพ้นความร่วงโรยตามกาลเวลาไปได้ ยิ่งทำให้เธอขวนขวาย เสาะหายาอายุวัฒนะเพื่อเอาชนะสังขารตน ยิ่งหายิ่งไม่พบ เมื่อไม่พบยิ่งหงุดหงิด และยิ่งหงุดหงิดมากเท่าไร ยิ่งต้องหาเหยื่อมาทรมานระบายอารมณ์คับข้องของเธอ กระทั่งเธอพบว่า ผิวของเธอส่วนที่ชโลมไปด้วยเลือดของเหยื่อนั้นช่างนุ่มนวลเป็นยองใยดั่งสาวแรกรุ่น นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดความกระหายของอลิซาเบธในที่สุด และได้รับตำนานว่าเป็น ผีดูดเลือด แห่งสโลวาเกีย

เมื่อจำนวนสาวใช้เริ่มร่อยหรอ เธอจึงเริ่มทำการรวบรวมเด็กสาวในดินแดนของตนเข้าปราสาท แลกกับเสื้อผ้าสวยๆ เหล่าเด็กสาวต่างไม่รู้เลยว่านั่นเป็นประตูสู่นรกบนดิน พวกเธอถูกรีดเลือดสดๆ ลงอ่าง เพื่อที่อลิซาเบธจะได้ลงไปนอนแช่อาบทั้งตัว และอุปกรณ์ทรมานนี้เองคือสิ่งที่อลิซาเบธทิ้งไว้ให้จดจำทางประวัติศาสตร์ เรียกว่า Iron Maiden ลักษณะเป็นเหมือนโลงหรือกล่องรูปคนแนวตั้ง มีเหล็กแหลมกระจายอยู่ทั่วโลง เวลาใช้งานก็ใส่นักโทษเข้าไป ค่อยๆ ปิดฝาให้เหล็กแหลมเหล่านั้นค่อยๆ ทิ่มแทงทั่วทั้งร่าง

เมื่อเรื่องราวที่ได้ขนานนามว่า ผีดูดเลือด ภายในปราสาทเริ่มมีเสียงโจษจันจากชาวบ้านหนักขึ้น กษัตริย์แห่งฮังการี พระเจ้าแมทเทียสที่ 2 (King Matthias) จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ร่วมก่อการทุกคน จากการไต่สวนพบว่า เด็กสาวที่ถูกล่อลวงไปล้วนตายอย่างโหดเหี้ยม รวมทั้งหมดประมาณ 600 กว่าคน ศาลตัดสินโทษประหารโดยการเผาทั้งเป็นกับผู้เกี่ยวข้องทุกคน ยกเว้นอลิซาเบธเนื่องจากด้วยอิทธิพลของตระกูลบาโธรี่ แต่เธอก็ต้องถูกจองจำอยู่ภายในหอคอยปราสาทแอคติสของเธอเอง ห้องถูกปิดตายเหลือเพียงช่องเล็กๆ ไว้ส่งอาหาร และเครื่องดื่มแก่เธอเท่านั้น อลิซาเบธทนอยู่ในนั้นเพียงลำพังได้ 4 ปีก็เสียชีวิตลงในวัย 54 ปี เป็นอันปิดตำนาน ผีดูดเลือด หรือฆาตรหญิงอำมหิตที่สุดในโลก

ปัจจุบันปราสาทแอคติสคงเหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง และยังคงตั้งตระหง่านอยู่ สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว และอาจไม่มีวันจางหายไปตลอดกาลกับ ตำนาน ผีดูดเลือด Countess Elizabeth Bathory แห่งสโลวาเกีย

ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ Ghosts Folder – สารคดี – แฟ้มลับเรื่องสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้