โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลี้ลับที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ บางครั้งสิ่งเหล่านี้ถูกพรรณนาในเรื่องเล่าของชาวบ้าน บ้างก็ปรากฏในหนังสือและภาพยนตร์ ตำนานเหล่านี้ทำให้เราหลงใหลและสงสัยว่าจริง ๆ แล้วพวกมันมีตัวตนหรือไม่ มาสำรวจกันว่า 5 ตำนาน สิ่งมีชีวิตลี้ลับ ที่เราไม่สามารถหาคำตอบได้ จะมีอะไรบ้าง
สิ่งมีชีวิตลี้ลับ : Nessie, Loch Ness Monster
ในทะเลสาบลึกที่เรียกว่า ล็อกเนส (Loch Ness) ซึ่งตั้งอยู่ในสก็อตแลนด์ มีตำนานเล่าขานถึงสิ่งที่เรียกว่า “เนสซี” (Nessie) หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนสส์ เป็นตำนานที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยมีรายงานการพบเห็นเนสซีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 จนถึงปัจจุบัน
ตำนานของเนสซีเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 565 เมื่อเซนต์โคลัมบา (Saint Columba) นักบุญชาวไอริชได้อ้างว่าเห็นสัตว์ยักษ์ในแม่น้ำเนส ในบันทึกของเขาเขียนถึงเหตุการณ์ที่สัตว์นั้นโจมตีชายคนหนึ่ง แต่เซนต์โคลัมบาได้สวดมนต์และไล่สัตว์นั้นไป ตั้งแต่นั้นมาเรื่องราวของมอนสเตอร์ล็อกเนสก็แพร่หลายไปทั่ว จนกระทั่งเมื่อปี 1933 มีรายงานเกี่ยวกับเนสซีที่ดูน่าเชื่อถือมากที่สุดจากภาพถ่ายที่ถ่าย โดยฮิวจ์ เกรย์ (Hugh Gray) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เหมือนหัวของสัตว์ยักษ์ยื่นขึ้นมาจากน้ำ ต่อมาในปี 1934 ภาพถ่ายของ โรเบิร์ต เคนเนธ วิลสัน (Robert Kenneth Wilson) หรือที่รู้จักกันว่า “ภาพถ่ายของศัลยแพทย์” ได้เผยแพร่และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเนสซี ถึงแม้ว่าภายหลังภาพนี้ถูกเปิดเผยว่าเป็นการจัดฉาก แต่มันก็ไม่สามารถลดทอนความเชื่อและความลึกลับระหว่างคนกับเนสซีได้
Unicorn สิ่งมีชีวิตลี้ลับ อาชามีเขา
ยูนิคอร์น เป็นสัตว์ในตำนานยุโรปที่มีลักษณะมีเขาเกลียวแหลมขนาดใหญ่ออกมาจากหน้าผาก มีการพรรณนายูนิคอร์นมาตั้งแต่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุและชาวกรีกโบราณ รวมถึงในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพระเจ้าเจมส์ ในนิทานพื้นบ้านยุโรป ยูนิคอร์นมักถูกพรรณนาว่าเป็นสัตว์คล้ายม้าหรือคล้ายแพะสีขาว มีเขายาวและกีบแยก (บางครั้งมีเคราแพะ) ในสมัยกลางและฟื้นฟูศิลปวิทยา ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ป่าหายาก เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และสง่างาม และอาจจับได้เฉพาะโดยพรหมจารีเท่านั้น เขาของยูนิคอร์นถูกเชื่อว่ามีอำนาจเปลี่ยนน้ำพิษให้ดื่มได้และรักษาการเจ็บป่วย ในยุคนั้นมีการขายเขานาร์วาลเป็นเขายูนิคอร์นด้วย
หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับยูนิคอร์นที่เก่าแก่ที่สุดเพราะคนอยู่ในสมัยกรีกโบราณเมื่อราว 400 ปีก่อนคริสตกาลในงานเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ธรรมชาติเรื่อง Indiga ของซีเตเซียส (Ctesias) นักประวัติศาสตร์และแพทย์ชาวกรีกซึ่งเล่าถึงลาป่าของอินเดียที่มีขนาดเท่ากับม้า ลำตัวสีขาว หัวสีแดง ตาสีฟ้า บนหน้าผากมีเขายาว 1 ศอกครึ่ง มีสีแดงที่ปลายเขาแหลมตรงกลางเขาพี่สีดำและโคนขาวสีขาว โดยนักเดินทางชาวยุโรปในยุคกลางหลายคนอ้างว่าเคยเห็นยูนิคอร์นในระหว่างการเดินทางนอกยุโรป
ในต้นศตวรรษที่ 21 สัตว์ในจินตนาการที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งตำนานอย่างยูนิคอร์นก็ยังได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมในวัฒนธรรม LGBTQ+ เคียงคู่ไปกับธงสีรุ้งสดใสภาพของยูนิคอร์นสีรุ้งที่เป็นประกาศเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มนต์ขลังเวทมนตร์และอิสระจึงได้ปรากฏอยู่อย่างโดดเด่นในงานพรางทั่วโลกในยุคปัจจุบัน
Kraken สิ่งมีชีวิตลี้ลับ อสูรกายยักษ์แห่งท้องทะเล
คราเคน เป็นสัตว์ทะเลในตำนานเก่าแก่นับพันปีที่มีขนาดใหญ่มหึมา มีความยาวมากกว่า 15 เมตร มีแขนขายืดยาวออกไปเป็นพวง ทำให้มันมีรูปร่างคล้ายกับปลาหมึกยักษ์ เชื่อกันว่าตำนานของคราเคนอาจมีต้นกำเนิดมาจากการพบเห็นปลาหมึกยักษ์ซึ่งปรากฏตัวอยู่ในน่านน้ำทะเลตั้งแต่ประเทศนอร์เวย์ ประเทศไอซ์แลนด์ไปจนถึงเกาะกรีนแลนด์
เรื่องราวของอสูรกายยักษ์แห่งท้องทะเลคราเคนนั้นเป็นที่เลื่องลือและสร้างความหวาดหวั่นให้กับหมู่กะลาสีเรือว่ามันสามารถจมเรือทั้งลำด้วยหนวดยักษ์กว่าต่อลูกเรือทั้งหมดลงจากดาดฟ้าเรือและยังสามารถว่ายวนเป็นวงกลมรอบเรืออย่างรวดเร็วจนเกิดกระแสน้ำบนเชี่ยวกรากโจมตีหรือให้คว่ำลงเพื่อดูดกลืนทุกชีวิตบนเรือลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกให้กลายเป็นอาหารอันโอชะของมันได้อีกด้วย
ในเดือนตุลาคมปี 2019 ทีมนักดำน้ำได้ออกเดินทางสำรวจซากเรืออัปปางจากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งจมอยู่นอกชายฝั่งนอร์เวย์ แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบกลับเป็นหยดของเหลวทรงกลมขนาดใหญ่อันน่าพิศวง เป็นวุ้นโปร่งแสงอยู่ใต้มหาสมุทรน่านน้ำที่เต็มไปด้วยตำนานความเชื่ออันน่าสะพรึงกลัวที่เชื่อกันว่าอสูรกายยักษ์อย่างคราเคนอาศัยอยู่ เมื่อนักดำน้ำเปิดไฟฉายส่องไปยังลูกกลมยักษ์ขนาดใหญ่เท่ากับมนุษย์นี้ ก็ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ หลายแสนตัวอาศัยอยู่ภายใน รวมถึงมวลสีส้มด้านในที่คาดว่าอาจจะเป็นหนวด จนมีผู้คนคาดเดาว่าลูกกลมประหลาดนี้อาจเป็นไข่ตัวอ่อนของคราเคนในตำนานของชาวนอร์ดิกก็เป็นได้
ความลึกลับใต้ท้องทะเลทำให้ตำนานคราเคนยังคงดำเนินต่อไปจนถึงในปัจจุบันโดยมีการอ้างอิงถึงสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลนี้ทั้งในภาพยนตร์วรรณกรรมโทรทัศน์และสื่อวัฒนธรรมสมัยนิยมจากต่างรวมถึงภาพยนตร์แฟรนไชส์ยอดนิยมอย่าง Pirates of the Caribbean ที่คราเคนได้ปรากฏตัวในบทสัตว์เลี้ยงของ เดวี่ โจนส์ ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของภาพยนตร์เรื่องนี้
Mermaid สิ่งมีชีวิตลี้ลับ ชีวิตปริศนาใต้มหาสมุทร
เรื่องราวของ นางเงือก ได้ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานหลายพันปีและปรากฏอยู่ในหลากหลายวัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลก ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้เองทำให้สัญลักษณ์และความเชื่อเกี่ยวกับนางเงือกมีความแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ในขณะที่บางวัฒนธรรมนางเงือกเป็นสิ่งที่มีอำนาจทำลายล้างจากผืนน้ำทะเลด้วยการที่พวกเธอจะล่อลวงกะลาสีเรื่องให้จมน้ำตายหรือการได้พบเห็นนางเงือกนั้นถือเป็นลางบอกเหตุของเรืออับปางพายุท้องทะเลที่ปั่นป่วนและภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น
ก็ยังมีตำนานเกี่ยวกับนางเงือกอีกมากมายจากรอบโลกที่มีชื่อเรียกและรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นไซเรน (Siren) สัตว์ครึ่งหญิงสาวครึ่งนกที่มีเสียงร้องเพลงอันไพเราะชวนหลงใหลในตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมันโบราณที่ผู้คนมักจะสับสนกับนางเงือก มามิวาตา (Mami Wata) จิตวิญญาณแห่งน้ำในทวีปแอฟริกา รูซัลกิ (Rusalki) นางไม้น้ำในตำนานสลัฟฟ์ทางยุโรปตะวันออก เมลูซีน (Melusine) วิญญาณของหญิงสาวที่มีหางเป็นงูหรือปลาบางครั้งก็มีปีก แห่งยุโรปตะวันตก เมอร์โรว์ (Merrow) นางเงือกสาวสวยผมสีเขียวยาวสยายเห่งเกาะไอร์แลนด์ เซลกี (Selkie) หญิงสาวแห่งท้องทะเลแถบเกาะทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ที่สามารถกลายร่างเป็นแมวน้ำในตอนที่ลงน้ำทะเล สุวรรณมัจฉา (Suvannamacha) ในนิทานพื้นบ้านและวรรณคดีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีปรากฏในหลายประเทศ เช่น ในวรรณกรรมเรื่องราวมาเขียนของไทย ลาว กัมพูชาและอีกมากมายหลายตำนานจากอีกหลายประเทศ
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาเหล่ากะลาสีเรือที่ต้องออกเดินทางข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เป็นแรมเดือนแรมปีก็มักมีความเชื่อเรื่องโชคลางเกี่ยวกับนางเงือกนี้ว่าเป็นตัวแทนของความโชคดีและภัยพิบัติที่คอยควบคุมสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ นางเงือกจึงถูกมองเป็นท่านหญิงสาวแสนสวยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ลึกลับเย้ายวนใจและในอีกมุมหนึ่งก็เป็นดั่งสัตว์ทะเลชั่วร้ายที่ลากลูกเรือไปสู่ความตายในมหาสมุทรท่ามกลางท้องทะเลที่ดุร้ายรุนแรงและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน นางเงือกจึงมักปรากฏเป็นเครื่องประดับติดอยู่บนหัวเรือด้านหน้าเรือเดินทะเล ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่กะลาสีตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จนถึงศตวรรษที่ 20 เนื่องจากเชื่อกันว่านางเงือกจะช่วยปลอบประโลมท้องทะเลทำให้อากาศปลอดโปร่งและช่วยนำทางให้ลูกเรือเดินทางกลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
สิ่งมีชีวิตลี้ลับ : Big Foot / Sasquatch
บิ๊กฟุต เป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับในตำนานที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์หรือลิงขนาดใหญ่ ร่างกายกำยำ มีขนดกหนาสีดำสีน้ำตาลเข้มหรือสีแดงเข้มยืนด้วยขาสองข้าง มีความสูงตั้งแต่ 2 – 4 เมตร ทั้งยังมีรอยเท้าขนาดที่ใหญ่มหึมา เคยมีการค้นพบรอยเท้าที่สามารถวัดได้ประมาณ 60 เซนติเมตร และกว้าง 20 เซนติเมต รจึงเป็นที่มาของชื่อบิ้กฟุต และยังมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าแซสควอช (Sasquatch) ซึ่งหมายถึงคนป่านั่นเอง
วัฒนธรรมพื้นเมืองหลายแห่งทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีขนปกคลุมทั่วร่างกายและอาศัยอยู่ในป่า โดยเรื่องราวของบิ๊กฟุตปรากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้านทั้งของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เล่าถึงชายขนดกและยักษ์กินเนื้อคนที่ตระเวนไปตามป่าใหญ่และภูเขาในแถบแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ออกลักพาตัวเด็กๆ ในตอนกลางคืนและทำลายอวนจับปลาของชาวประมงในท้องถิ่น รายงานการพบบิ๊กฟุตเริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมีการค้นพบรอยเท้าปริศนาขนาดใหญ่เป็นครั้งคราวและคนออกมากล่าวอ้างว่าเด็กเผชิญหน้ากับบิ๊กฟุตเป็นระยะๆ รวมไปถึงรูปถ่ายและวิดีโอของสัตว์ประหลาดหน้าคนร่างยักษ์ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก็ยิ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศความคึกคักและดึงดูดความสนใจให้กับสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้จนได้รับการพูดถึงในวงกว้างและถูกนำมาออกสื่อทั้งบนหน้าหนังสือพิมพ์และบนจอโทรทัศน์อยู่บ่อยครั้ง
บิ๊กฟุตกลายเป็นกระแสในสังคมอเมริกันมากยิ่งขึ้นในปี 1967 หลังจากที่ โรเจอร์ แพตเตอร์สัน และโรเบิร์ต บ๊อบ กิมลิม ชายชาวอเมริกันสองคนได้ถ่ายทำภาพยนตร์สั้นเรื่องแพทเทอร์สัน กิมลิม (Patterson-Gimlim) โดยที่ทั้งคู่อ้างว่าพวกเขาบันทึกภาพสัตว์ประหลาดขนดกรูปร่างสูงใหญ่ต้นหนึ่งเอาไว้ได้ที่ริมแม่น้ำในป่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าบลัฟฟ์ครีก (Bluff Creek) ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ท้องถิ่นบางแห่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ปลุกความสนใจของผู้คนจนกลายเป็นปรากฏการณ์ทำให้เกิดการออกตามล่าบิ๊กฟุตมาอย่างยาวนานตลอดหลายทศวรรษ
มันได้กลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนแห่งวัฒนธรรมสมัยนิยมที่ผู้คนมากมายอุทิศตนเพื่อออกค้นหาสัตว์ประหลาดตีนโตขนดกร่างยักษ์ แต่ต่างก็ล้มเหลวและไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมายืนยันการมีตัวตนอยู่จริงของบิ๊กฟุตได้เลย นักวิจารณ์หลายคนได้ออกมากล่าวถึงภาพยนตร์สัตว์เรื่องนี้ว่าเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างชื่อเสียงและกอบโกยรายได้จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ให้กับผู้ถ่ายทำทั้งสองคนมากกว่า
และนี่ก็คือ 5 ตำนานสิ่งมีชีวิตลี้ลับ ที่เราไม่สามารถหาคำตอบได้ ที่เราได้นำมาฝากเพื่อนๆ ชาว Ghostsfolder บอกได้เลยว่าหลายตำนานเพื่อนๆ อาจจะพอทราบกันอยู่แล้วว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่า สิ่งที่เราเห็นในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือผลงานศิลปะ มันคืออะไร แล้วมันมีจริงมั๊ย ถึงแม้ว่าจะมีตำนานและเรื่องที่ลืมต่อกันมา แต่เราเองก็ยังไม่วามารถหาคำตอบได้อยู่ดี
- ประวัติ ประตูผี ย่านเก่ากรุงเทพฯ ย่านเก่าแก่ที่ได้ยินชื่อจะต้องขนลุก - December 3, 2024
- ตำนาน แม่นาค พระโขนง ที่ขอพรศักดิ์สิทธิ์ของ วัดมหาบุศย์ - November 22, 2024
- รวม 6 ตำนานผีอาเซียน เรื่องเล่าผีสุดสยองของประเทศเพื่อนบ้าน - November 21, 2024