ถ้ามีเรื่องของลัทธิประหลาดไปแล้ว จะขาดเรื่องของ ศาสนาแปลก ๆ บนโลกไปได้อย่างไร วันนี้เราก็จะมาขุดคุ้ยแล้วพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับศาสนาย่อย ๆ ที่ทั้งแปลก ทั้งชวนพิศวง และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงบนโลก ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปลุยกับเนื้อหาของวันนี้กันค่ะ
ศาสนาเบคอน (The United Church of Bacon)
ศาสนาแปลก ศาสนาแรกที่เราจะพามาทำความรู้จักคือ ศาสนาเบคอน หรือเรียกอีกอย่างว่า ลัทธิเบคอน มีชื่อเต็ม ว่า “The United Church of Bacon” ก่อตั้งเมื่อปี 2010 โดย จอห์น ไวท์ไซด์ (John Whiteside) ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจดทะเบียนเป็นโบสถ์จริง ๆ และมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 25,000 ทั่วโลก หลักการของศาสนาเบคอนคือ “เชื่อในความไม่เชื่อ”
ซึ่งประโยคเด็ดของศาสนาเบคอนที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือ “Bacon is our god because bacon is real.” แปลว่า “เบคอนคือพระเจ้าของเรา เพราะเบคอนมีอยู่จริง” เรียกได้ว่าเป็นการเสียดสีศาสนาอื่น ๆ ที่เชื่อในพระเจ้าและเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่อาจไม่มีอยู่จริงก็ว่าได้ โดยศาสนาแปลกนี้จะยึดมั่นในหลักความรักและความยุติธรรมสำหรับทุกคนบนโลก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของคนไม่มีศาสนาอีกด้วย
ส่วนบทสวดสำหรับสรรเสริญเบคอน จะขึ้นต้นด้วย “เบคอนจงเจริญ อุดมไปด้วยไขมัน ไขมันจะอยู่กับตัวเจ้า” นอกจากนี้ บัญญัติ 8 ข้อของ ลัทธิเบคอน ได้แก่
- รู้จักตั้งคำถาม
- ศาสนาไม่แทรกแซงการเมือง
- ศาสนาไม่มีสิทธิพิเศษในสังคม
- เล่นสนุก เสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์กันได้
- เมตตาปรานีเพื่อนร่วมโลก
- บริจาคเงินช่วยเหลือสังคม
- สรรเสริญเบค่อน
- สถาบันทางศาสนาต้องจ่ายภาษี
ศาสนาแปลก : ลัทธิไซแอนโทโลจี (Scientology)
ลัทธิไซแอนโทโลจี ศาสนาแปลก ๆ ก่อตั้งเมื่อปี 2495 โดย แอล รอน ฮับบาร์ท (L. Ron Hubbard) นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งมีสำนักอยู่หลายพันแห่งในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก โดยมีความเชื่อว่า“ร่างกายมนุษย์ทุกคนล้วนมีวิญญาณของมนุษย์ต่างดาวสิงสถิตอยู่ภายใน”
ผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบศาสนาแปลกหรือไซแอนโทโลจี นั้น จะสามารถปลดแอกร่างวิญญาณนี้ได้ และจะทำให้มนุษย์สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใช้ได้ นอกจากนี้สตูดิโอและโบสถ์ใหญ่ของลัทธิในย่าน เวสท์ โคสต์ (West Cost) ของฮอลลีวูด มีเนื้อที่ประมาณ 12,635 ตารางเมตร ซึ่งได้ซื้อต่อมาจากสถานีโทรทัศน์สาธารณะเคเซ็ท ด้วยเงิน 42 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,480 ล้านบาทเลยทีเดียว
ด้านผู้นำลัทธิไซแอนโทโลจีอย่าง เดวิด มิสเควิจ (David Miscavige) เคยกล่าวว่า “สตูดิโอแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอื่นหรือองค์กรการกุศลอื่น ๆ ที่อยู่ในเมืองลอสแองเจลิส ให้สามารถเข้ามาใช้บริการและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้เช่นกัน”
ความเชื่อของศาสนานี้มีคร่าว ๆ ดังนี้
- ปฏิเสธการดำรงอยู่ของพระเจ้าใน พระคัมภีร์ เรื่องสวรรค์และนรกอย่างไม่มีเงื่อนไข
- ลัทธิไซแอนโทโลจีเชื่อว่ามีเทพเจ้าหลายองค์ และว่าเทพเจ้าบางองค์อยู่เหนือกว่าองค์อื่น ๆ
- เชื่อมั่นในคุณงามความดีโดยธรรมชาติของมนุษย์ และสอนว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และดูถูกอย่างเต็มที่ภายใต้
- เชื่อมั่นในการกลับชาติมาเกิดและความรอดส่วนบุคคลในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง
ศาสนาก็อปปิมิซึม (Missionary Church of Kopimism)
ศาสนาแปลกต่อไปถือเป็นลัทธิผู้ยึดถือการคัดลอกข้อมูลแล้วส่งต่อหรือการแชร์ไฟล์เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คือ ศาสนาก็อปปิมิซึม ซึ่งมี กุสตาฟ ไนป์ (Gustav Nipe) เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนา ได้เปิดเผยว่า “เขาและสมาชิกต้องยื่นเรื่องขอคำรับรองเป็นศาสนาถึง 3 ครั้ง กว่าจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสวีเดน”
โดยศาสนานี้ยกย่องให้ CTRL+C และ CTRL+V ให้เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และยืนยันว่าไม่ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการส่งต่อข้อมูลผิดกฎหมาย แต่มีขึ้นเพื่อการเผยแพร่ความรู้แก่ทุกคนเป็นวิทยาทาน ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้นสะดวกขึ้น
ด้าน อิซัค เกอร์สัน (Isak Gerson) ผู้ก่อตั้งศาสนาแปลก ๆ นี้ขึ้น ก็ตั้งความหวังว่า หลังจากนี้ต่อไปการแชร์ไฟล์ หรือส่งต่อข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์จะได้รับการปกป้องจากศาสนา พร้อมออกแถลงการณ์ว่า “สำหรับก็อปปิมิซึมแล้ว ข้อมูลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการคัดลอกข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใส เพราะข้อมูลมีคุณค่าในตัวมันเอง และจะยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นผ่านการส่งต่อข้อมูล การก็อปปี้จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนาและก็อปปี้มิสต์ทุกคน”
ศาสนาแปลก : ศาสนาซาตาน หรือลัทธิวิหารซาตาน (Satanic Temple)
ศาสนาแปลกอีกศาสนาที่น่าสนใจคือ ลัทธิวิหารซาตาน (Satanic Temple) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 ในสหรัฐอเมริกา เป้าหมายหลักก็เพื่อการรณรงค์ของลัทธิวิหารซาตาน เป็นภารกิจมุ่งสกัดกั้นอิทธิพลทางการเมืองของคริสต์ศาสนาในสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยกำลังคืบคลานเข้าแทรกแซงและก้าวก่ายชีวิตของชาวอเมริกัน ลูเซียน กรีเวซ (Lucien Greaves) หนึ่งในผู้ก่อตั้งและโฆษกของโบสถ์ซาตานที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน กล่าวว่า “การเมืองการปกครองแบบรัฐศาสนากำลังเข้าครอบงำสหรัฐฯ ซึ่งลัทธิวิหารซาตานนั้น ไม่มีการดื่มเลือด ไม่มีพิธีบูชายัญมนุษย์ แต่มีพิธีมิสซาดำที่จัดขึ้นในรูปแบบคอนเสิร์ตและงานศิลปะ”
และที่สำคัญ ศาสนาแปลก ๆ อย่างศาสนาซาตาน มีหลักความเชื่อ 7 ประการดังนี้
- ควรดำเนินชีวิตด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตามเหตุและผล
- การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความเป็นธรรมเป็นเรื่องที่ดำเนินอยู่ และจำเป็นจะต้องทำต่อไปแม้กฎหมายและสถาบันทั้งหลายไม่เอื้อ
- ร่างกายของบุคคลนั้นจะล่วงละเมิดไม่ได้ และขึ้นอยู่กับเจตจำนงของบุคคลนั้น ๆ เท่านั้น
- เสรีภาพของผู้อื่นจะต้องได้รับการเคารพ รวมถึงเสรีภาพในการที่จะดูหมิ่น การล่วงละเมิดเสรีภาพของคนอื่นอย่างสมัครใจและไม่เป็นธรรม เท่ากับละทิ้งซึ่งเสรีภาพของตนเอง
- ความเชื่อต่าง ๆ ควรจะสอดคล้องกับความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และโลก เราไม่ควรที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อของเรา
- คนล้มเหลวกันได้ ถ้าเราทำผิดพลาดก็ควรพยายามแก้ไขอย่างถึงที่สุด และเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
ศาสนาเจได (Jediism)
ศาสนาเจได หรือ ลัทธิเจได ผู้ที่ศรัทธาแนวคิดนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ กลุ่มที่มองว่า “ความเชื่อของพวกเขาคือศาสนาหนึ่ง” และกลุ่มที่มองว่า “เป็นหลักปรัชญา การใช้ชีวิต และวิธีพัฒนาตัวเองที่ได้ผล”
แต่ในความจริงนั้นศาสนาouhมีแก่นกลางความเชื่อคือพลัง และไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เชื่อในศรัทธาแห่งพลัง และธรรมชาติของทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในจักรวาล นอกจากนี้ยังเชื่อในเรื่องของการมีชีวิตเป็นอมตะหรือแบบนิรันดร์ เพราะแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยแล้วแต่พลังจะยังคงอยู่ตลอดไป เมื่อปี 2001 ศาสนาแปลกศาสนานี้ได้ขึ้นไปถึงจุดพีคเมื่อมีผู้นับถือในประเทศอังกฤษถึง 390,000 คน
ศาสนาแปลกอื่น ๆ ที่ทั้งชวนงงและไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่บนโลก
ศาสนาเอเธอร์เรียส (Aetherius Society)
ศาสนาเอเธอร์เรียส ศาสนาแปลก ๆ ที่ก่อตั้งขึ้น โดย จอร์จ คิง (George King) ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 อันเป็นผลมาจากสิ่งที่คิงอ้างว่าเป็นการติดต่อกับสติปัญญาจากนอกโลก ซึ่งเขาเรียกว่า “ปรมาจารย์แห่งจักรวาล” เป้าหมายหลักของผู้ศรัทธาคือการร่วมมือกับปรมาจารย์แห่งจักรวาลเหล่านี้ เพื่อช่วยมนุษยชาติแก้ปัญหาทางโลกในปัจจุบันและก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
ศาสนาแปลก : ลัทธินูเวาเบียน (Nuwaubians)
ลัทธินูเวาเบียน ได้ถือกำเนิดเป็นกลุ่มมุสลิมผิวดำในนิวยอร์กในปี 1970 และได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่นั้นมา ในที่สุดกลุ่มนี้ได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นในเทศมณฑลพัทแนม รัฐจอร์เจียในปี 1993 ซึ่งพวกเขาได้ละทิ้งไปตั้งแต่นั้นมา ขณะนี้ผู้ก่อตั้งของพวกเขาถูกจำคุกหลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฟอกเงินและล่วงละเมิดเด็ก แต่ลัทธินูเวาเบียนยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ยังคงปะปนอยู่ในสังคม
ศาสนาวิทยาศาสตร์แห่งความสุข (Happy Science)
ศาสนาวิทยาศาสตร์แห่งความสุข หรือ Happy Science มีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ริวโฮ โอกาวะ (Ryuho Ogawa) ก่อตั้งศาสนานี้ขึ้นมาหลังจากลาออกจากอาชีพการเงินในนิวยอร์ก โดยมีเป้าหมายที่จะนำสันติสุขและความสุขมาสู่โลก โดยเชื่อว่าจะถ่ายทอดวิญญาณและคำสอนของบุคคลสำคัญทางศาสนาและผู้เผยพระวจนะต่าง ๆ ตามคำบอกเล่าของเขา
และนี่ก็คือศาสนาแปลกที่สุดในโลกที่เราพอจะพามาฝากเพื่อน ๆ ชาว Ghostsfolder ได้ ต้องขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก blockdit.com เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เรื่องราวของศาสนาสุดแปลกชวนงงก็ไม่ค่อยแตกต่างเท่าไหร่กับลัทธิประหลาดที่เราได้บอกเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะมีความเชื่อและหลักคำสอนที่เข้าใกล้กับศาสนามากกว่า ซึ่งในแต่ละศาสนาก็ไม่เชื่อว่าจะมีอยู่บนโลก เพื่อน ๆ เคยเจอศาสนาไหนแปลกแบบนี้รึไม่ ถ้าเคยเจอมาแชร์กันได้นะคะ
- “ความเชื่อ” ของการขอ “หวย” ทำไมต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์? - January 13, 2025
- คดีสยองขวัญ เมียฆ่าผัวตัดคอ ถลกหนัง ตัดหัวผัวต้ม ทำอาหารให้ลูกกิน - January 11, 2025
- เปิดแฟ้ม! รวมคดีฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็นสยอง - January 9, 2025