อุโมงค์คิโยทากิ Kiyotaki Tunnel อุโมงค์ผีสิงแห่งเกียวโต ญี่ปุ่น

อุโมงค์คิโยทากิ Kiyotaki Tunnel อุโมงค์ผีสิงแห่งเกียวโต ญี่ปุ่น

หัวข้อน่าสนใจ

มีใครเคยได้ยินชื่อเสียงเรื่องความหลอนของอุโมงค์ผีสิงที่ญี่ปุ่นกันบ้างไหมคะ อย่าง อุโมงค์คิโยทากิ (Kiyotaki Tunnel) ที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นอุโมงค์ผีสิงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และยังมีความเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่โลกคนเป็นและโลกของคนตายได้มาบรรจบกัน เพราะมีเรื่องราวสยองขวัญมากมายเกิดขึ้นที่นี่มากมายนับไม่ถ้วน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบของเรื่องนี้กัน!

Kiyotaki Tunnel
Kiyotaki Tunnel

อุโมงค์คิโยทากิ ตำนานอุโมงค์ผีสิงแห่งเกียวโต

อุโมงค์คิโยทากิ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านคิโยทากิ ภูเขาอาทาโกะ จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1929 เพื่อเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างวัดโอทากิ เนนบุตสึ และศาลเจ้าอาทาโกะ อุโมงค์แห่งนี้มีความยาวประมาณ 500 เมตร

Kiyotaki Tunnel
Kiyotaki Tunnel

หลังจากมีสถานีรถไฟ หมู่บ้านคิโยทากิก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวคึกคัก มีโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ไม่นานก็เกิดสงครามขึ้น ส่งผลให้รถไฟจึงต้องหยุดให้บริการไปในปี ค.ศ. 1944 และถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อส่งไปใช้ในการสงคราม กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทำใหเที่นี่ก็ถูกปรับอีกครั้ง สัญญาณไฟจราจรหน้าอุโมงค์ให้กลายเป็นอุโมงค์สำหรับรถยนต์ผ่านในที่สุด

ตำนานสุดหลอน ของอุโมงค์คิโยทากิ

มีตำนานเรื่องเล่าของสถานที่น่ากลัวอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละเหตุการณ์นั้นชวนหลอน ขนหัวลุก เราไปดูกันว่ามีเรื่องราวน่าสยองขวัญที่เชื่อมโยงกับอุโมผีสิงแห่งนี้ยังไงบ้าง

วิญญาณของทหารญี่ปุ่น

เรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณของทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เชื่อกันว่าวิญญาณของทหารเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในอุโมงค์ด้วยความทุกข์ทรมาน

วิญญาณของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตาย

ตำนานอีกเรื่องหนึ่งคือตำนานเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายใกล้ ๆ กับอุโมงค์คิโยทากิ ในปี ค.ศ. 1998 หญิงสาวคนหนึ่งมาฆ่าตัวตายใกล้กับอุโมงค์คิโยทากิ หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนพบเห็นวิญญาณของผู้หญิงชุดขาว ตกลงมากระแทกใส่ฝากระโปรงรถ หรืออาจยืนอยู่กลางอุโมงค์จ้องมองมาอย่างน่าหวาดกลัว

Kiyotaki Tunnel
Kiyotaki Tunnel

กฎการเข้าอุโมงค์

ตำนานที่โด่งดังที่สุดของที่นี่ ก็คือ “กฎการเข้าอุโมงค์” ด้วยความที่อุโมงค์ยาว 500 เมตร มีเพียง 1 เลน และมีความโค้ง ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นปลายอุโมงค์ได้ จึงมีการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรเพื่อให้ขับเข้าไปได้ทีละคัน แต่ก็มีคำบอกเล่าว่า ถึงจะเห็นไฟสีเขียวก็ “ห้ามเข้าไป” กฎการเข้าอุโมงค์คือ ต้องหยุดรอให้เห็นว่าไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก 1 ครั้งก่อน แล้วพอไฟเขียวครั้งถัดมาค่อยเข้าไปได้ เล่ากันว่า ไฟเขียวในตอนแรกอาจเป็นวิญญาณที่เชิญชวนเราไปสู่โลกวิญญาณ

กระจกโค้งจราจร

อีกตำนานคือ ใกล้ๆ อุโมงค์ก็มีกระจกโค้งจราจรอยู่ ซึ่งปกติแล้วกระจกโค้งจะตั้งฉากกับพื้น แต่กระจกนี้ติดที่กำแพงแล้วขนานไปกับพื้น เวลามองกระจกต้องเงยหน้าขึ้นฟ้า เพราะถนนตรงนั้นสูงชัน รถที่อยู่บนเขาเมื่อมองกระจกจะได้เห็นว่าถนนด้านล่างมีรถกำลังขึ้นมาหรือไม่ ความหลอนคือ หากเงยหน้าขึ้นมองกระจก แล้วไม่เห็นเงาตัวเอง หมายถึงว่าเรากำลังจะตายเร็วๆ นี้ บางคนก็บอกว่าอาจจะเห็นวิญญาณเด็ก หรือวิญญาณคนแก่ในกระจก แปลว่าเรากำลังจะตายเช่นเดียวกัน

มาถึงที่นี่จะน่ากลัวขนาดไหน แต่ก็อย่าลืมว่าปลายทางทั้ง 2 ฝั่งของอุโมงค์นั้นมีทั้งวัด และศาลเจ้าอยู่ ส่วนใครที่อยากจะไปพิสูจน์ความหลอนก็ลองไปพิสูจน์กันได้เลยค่ะ บอกเลยว่าแค่เข้าไปเฉียดใกล้ๆ ก็ชวนให้ขนลุกซู่แล้ว สามารถติดตามคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ ghostsfolder.com