ฆาตกรต่อเนื่อง

ฆ่าโหด! 5 ฆาตกรต่อเนื่อง อำมหิตเกินมนุษย์ ที่ไม่เคยได้รับการปล่อยตัว

หัวข้อน่าสนใจ

การที่ฆาตกรคนหนึ่งจะยกตัวเองให้กลายมาเป็น ฆาตกรต่อเนื่อง นั้นจะต้องมีจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิตเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะลงมือกระทำได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก มีการจำเพาะเจาะจงว่าฆาตกรรายนั้นได้สังหารเหยื่อมาแล้วอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งทางนักจิตวิทยาได้สันนิษฐานหลักการนี้ว่า จะต้องเป็นพวกไม่มีพัฒนาการทางอารมณ์ ทำให้กลายเป็นพวกแปลกแยกและถูกปฏิเสธจากสังคมภายนอก เป็นผลทำให้บุคคลเหล่านี้ สามารถก่อคดีได้โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เพราะฆาตกรประเภทนี้จะฆ่าเพื่อสนองตัณหาและอารมณ์ตัวเอง ไม่ใช่การฆ่าจากเหตุบังเอิญ หรือบันดาลโทสะ

ในวัติศาสตร์มีผู้ต้องหาได้ชื่อว่าเป็น ฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีความโหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ และน่าตกใจก็คือหนึ่งในรายชื่อที่เรานั้นหยิบยกมานี้มีนักโทษเพศหญิงอยู่ด้วย เพราะไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นจะเป็นได้ และด้วยความวิปลาสของฆาตรกรต่อเนื่องขยายผลกว้างขึ้นไปมีหลายอุปสงค์เพิ่มเข้ามาทั้งความชอบในรสชาติเนื้อมนุษย์, ความประสงค์ต่อเงินและทรัพย์สิน ซึ่งมักจบลงด้วยการปลิดชีวิตเหยื่อ ดังนั้นไปดูกันว่ามีใครบ้างถึงขั้นถูกเรียกว่า ฆาตกรต่อเนื่อง สุดโหดเหี้ยมและอำมหิตที่สุดในประวัติศาสตร์

1. Luis Garavito ฉายา สัตว์ร้าย

Luis Garavito ฉายา สัตว์ร้าย
ลุยส์ การาวิโต อ้างว่าฆาตกรรมไปแล้ว 300 ราย ได้รับการยืนยัน 138 ราย

ฆาตกรต่อเนื่องนามว่า ลุยส์ การาวิโต ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอันตรายถึงกับได้ฉายานามว่า “The Beast” แปลว่า สัตว์ร้าย เพื่อนบางคนเรียกเขาว่า Tribilín เป็นชื่อเรียกของ”กูฟี่” ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการ์ตูนของดิสนีย์ในภาษาโคลัมเบียน ลุยส์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1957 รู้จักกันในฐานะ ฆาตกรโหด และโจรหื่นชอบข่มขืนเหยื่ออย่างทารุณ และสังหารเหยื่อมามากกว่า 138 ราย แต่น่ากลัวไปกว่านั้นคือเหยื่อของเขาทั้งหมดนั้นเป็นเด็กและเยาวชน อายุตั้งแต่ 6 – 16 ปี  เรียกได้ว่าเลวแสนเลวเลยล่ะ ด้วยวีรกรรมสุดโหด ทำให้ลุยส์ต้องโดนจองจำในเรือนจำพิเศษมีกระบวนการรักษาความปลอดภัยอย่างสูง ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลผู้คนในประเทศโคลัมเบีย มิหนำซ้ำยังถูกขังแยกจากนักโทษคนอื่น ๆ ด้วย ลุยส์จะพ้นโทษในปี 2021 ที่ผ่านมา เลยทำให้มีเสียงคัดค้านจำนวนมาก และอาจจะปรับแก้ไขกฏหมายเดิมของโคลัมเบีย เคยกำหนดไว้ว่าโทษจำคุกสูงสุดคือ 40 ปี ให้กลายเป็น 60 ปี เพื่อต่ออายุการจองจำของลุยส์ต่อไป

ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1992 – 1997

พื้นที่ก่อเหตุ : โคลัมเบีย

จำนวนเหยื่อ : อ้างว่าฆาตกรรมไปแล้ว 300 ราย ได้รับการยืนยัน 138 ราย

ถูกจับกุมเมื่อ : 22 เมษายน 1999

ต้องโทษฆาตกรต่อเนื่อง : จำคุก 1,853 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือแค่ 22 ปี

2. Javed Iqbal Umayr (จาเว็ด อิกบัล)

Javed Iqbal Umayr (จาเว็ด อิกบัล)
ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่อิกบัลแขวนคอตัวเองตายในคุกเสียก่อน

เป็นคดีร้ายแรงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปากีสถาน ฆาตกรต่อเนื่องรายแรกในประเทศปากีสถาน ก่อเหตุได้อย่างน่าสะพรึงเอาอย่างมาก จากการให้การของอิกบัลเขายอมรับว่าเขาฆ่าเด็กชายไปถึง 100 ราย ซึ่งเป็นจำนาวนเยอะมาก แต่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง แต่เขาสารภาพผิดต่อคดีฆาตกรรมทั้งหมดของเขาผ่านจดหมายที่ส่งให้ตำรวจและหนังสือพิมพ์ ในจดหมายนั้นเขาได้บรรยายอย่างละเอียดถึงวิธีการฆ่าเด็ก ๆ ทั้ง 100 รายด้วยการรัดคอ จากนั้นก็หั่นศพเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงอ่างอาบน้ำ ทำลายศพด้วยกรดรุนแรง และเด็กที่เขาฆ่านั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็กกำพร้า หรือหนีออกจากบ้านมาเป็นเด็กเร่ร่อน ในคืนวันที่ 8 ตุลาคม 2001 อิกบัลตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอตายในคุก วัยรุ่นผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งรายแขวนคอตายในคืนเดียวกัน ขณะนั้นอิกบัลอายุ 45 ปี

ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1985 – 1990

พื้นที่ก่อเหตุ : ปากีสถาน

จำนวนเหยื่อ : 100 ราย

ถูกจับกุมเมื่อ : 30 ธันวาคม 1999

ต้องโทษฆาตกรต่อเนื่อง : ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่อิกบัลแขวนคอตัวเองตายในคุกเสียก่อน

3.samuel little (ซามูเอล ลิตเทิล)

samuel little (ซามูเอล ลิตเทิล)
เขาสังหารหญิงสาวไปมากถึง 93 ราย ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970s มาจนถึงปี 2005

ซามูเอล ลิตเทิล ได้รับตำแหน่งฆาตกรต่อเนื่องสังหารเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฆาตกรรม เกิดบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา และถูกจับกุมได้ในสถานสงเคราะห์คนไร้บ้านในรัฐเคนตักกี้ ข้อหาเสพสารเสพติด และน่าตกใจคือ DNA เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหญิงถึง 3 ราย และในเวลาไม่กี่เดือน FBI สืบพบว่า DNA ของซามูเอล เกี่ยวโยงกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวอีกมากกว่า 12 ราย จนทำให้เขาจนมุมรับสารภาพ ว่าเขาสังหารหญิงสาวไปมากถึง 93 ราย ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970s มาจนถึงปี 2005 เป็นระยะเวลาถึง 35 ปี ซึ่งในปัจจุบัน ซามูเอล ลิตเทิล วัย 79 ปี ยังถูกจองจำอยู่ในทัณฑสถานแคลิฟอร์เนีย

ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1970s – 2005

พื้นที่ก่อเหตุ : 19 รัฐ ใน สหรัฐอเมริกา

จำนวนเหยื่อ : อ้างว่าสังหารไปแล้ว 93 ราย ได้รับการยืนยัน 50 ราย

ถูกจับกุมเมื่อ : 5 กันยายน 2012

ต้องโทษฆาตกรต่อเนื่อง : จำคุกตลอดชีวิต 3 ชาติ ไม่มีภาคทัณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

4. Mikhail Popkov (มิคาฮิล พอปคอฟ) กับฉายา มนุษย์หมาป่า

มิคาฮิล พอปคอฟ กับฉายา มนุษย์หมาป่า
มนุษย์หมาป่า และฉายา “จอมบ้าเลือดแห่งอังการ์สค์”

มนุษย์หมาป่า และฉายา “จอมบ้าเลือดแห่งอังการ์สค์” ประวัติของมิคาฮิลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอึ้งเพราะอาชีพของเขานั้นคือตำรวจ มีภรรยาและลูกสาว วิธีการออกล่าเหยื่อของมิคาฮิลคือจะขับรถออกหาเหยื่อในชุดตำรวจและรถตำรวจ เหยื่อของเขาจะอายุตั้งแต่ 16 ไปจนถึง 40 ปี โดยมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทำอาชีพโสเภณี และหญิงวัยรุ่นที่เมามายไม่ได้สติมิคาฮิลจะเสนอความช่วยเหลือด้วยการเชื้อเชิญเหยื่อขึ้นรถ และอาสาจะไปส่งยังบ้านพัก แต่ถ้าใครหลงกลก็จะตกเป็นเหยื่อสังหารและข่มขืนของมิคาฮิล อาวุธที่มิคาฮิลใช้จะหลากหลายมาก ทั้งมีด, ไม้เบสบอล, ขวาน แม้กระทั่งไขควง เขาจะใช้วิธีทรมานเหยื่อให้ไม่สามารถหนีได้ ด้วยวิธีการสุดโหดเหี้ยม ทำให้เขาได้ฉายาว่า มนุษย์หมาป่านั่นเอง เหตุจูงใจทำให้มิคาฮิลกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องมาจากเหตุจับได้ว่าภรรยานอกใจ แต่ไม่มีในรายงานว่าภรรยาและชู้โดนสังหารหรือไม่

ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1992 – 2012

พื้นที่ก่อเหตุ : อังการ์สค์, วลาดิวอสตอก, เออคุตสค์ ประเทศรัสเซีย

จำนวนเหยื่อ : อ้างว่าสังหารไป 84 ราย ได้รับการยืนยัน 78 ราย

ถูกจับกุมเมื่อ : จำคุกตลอดชีวิต 2 รอบ

ต้องโทษฆาตกรต่อเนื่อง : ปี 2012

5. Chisako Kakehi (ชิซาโกะ คาเคฮี) ฉายา แม่ม่ายดำแห่งเกียวโต

(ชิซาโกะ คาเคฮี) ฉายา แม่ม่ายดำแห่งเกียวโต
ชิซาโกะ คาเคฮี ปัจจุบันวัย 72 ปี มีความผิดในฐาน ฆาตกรรมชายอย่างน้อย 7 ราย ในระหว่างปี 1994 – 2013

ชิซาโกะ คาเคฮี ปัจจุบันวัย 72 ปี มีความผิดในฐาน ฆาตกรรมชายอย่างน้อย 7 ราย ในระหว่างปี 1994 – 2013 ซึ่งชายทั้ง 7 รายนี้ต่างเป็นคู่เดตของหญิงสาวคนนี้ตลอดในช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะผ่านกระบวนการพิพากษามาแล้ว ชิซาโกะก็ยังยืนกรานว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ เหตุที่เธอต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้เป็นเพราะชะตากรรมอัน“เคราะห์ร้าย” ของเธอเอง ทางกระบวนการยุติธรรม ยืนยันผลการสืบสวนคดีว่าเขาเป็นฆาตกร ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต กระทำการฆาตกรรมด้วยความเลือดเย็นและดำเนินการไปอย่างมีขั้นตอนการวางแผน และเหยื่อทั้งหมดถูกลงมือนั้นเพื่อหวังผลจากเงินประกันชีวิตมากถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และแรงจูงใจในการสังหารนั้นมาจากความเกลียดชังต่อสามีที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ แต่ ชิซาโกะ กลับให้การกลับคำถึง 2 ครั้งด้วยกัน แต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากไปขัดกับหลักฐาน เพราะตำรวจค้นเจอถุงใส่ยาไซยาไนด์เล็ก ๆ ที่เธอซุกซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้จึงทำให้ไม่สามารถรอดไปจากการกระทำอันโหดร้ายของตัวเองไปได้ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ประหารชีวิตทันที

ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1994 – 2013

พื้นที่ก่อเหตุ : ญี่ปุ่น

จำนวนเหยื่อ : 3 – 10 ราย

ถูกจับกุมเมื่อ : 2014

ต้องโทษฆาตกรต่อเนื่อง : ประหารชีวิต

พบกับความหลอนสุดสยองได้ที่ทาง ghostsfolder