Society of the Snow

เรื่องจริง “Society of the Snow” 72 วันแห่งชีวิต ที่ต้องอยู่รอดบนเทือกเขาที่หนาวเหน็บ

หัวข้อน่าสนใจ

Society of the Snow (2024) ภาพยนตร์จากทางเน็ตฟลิกซ์ความยาว 2 ชั่วโมงเต็ม สร้างจากเรื่องจริง ของ ‘นักกีฬารักบี้ทีม โอลด์คริสเตียนส์’ กับการเดินทางสู่การแข่งขัน แต่กลับต้องมาเอาชีวิตรอดบนเทือกเขาที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีผ้าห่ม และต้องทนทรมาน ต่อสู้กับความหนาวเย็นของสภาพอากาศสุดเลวร้าย ขณะอยู่ห่างไกลบนเทือกเขาแอนดีสรวม 72 วัน ด้วยความหวังอันริบหรี่ของการเข้าช่วยเหลือ และวันนี้เราทีมงาน Ghostsfolder จะมาย้อนรอยเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้กันค่ะ

เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อความตายรออยู่ทุกเมื่อ

เชื่อว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง หรือ Base on true story มักเป็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าจอทีวีนั้น จะสร้างความทรงจำอะไรบ้างให้กับเหล่าตัวแทนที่มาสร้างความสนุกให้เรา

เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อความตายรออยู่ทุกเมื่อ
เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อความตายรออยู่ทุกเมื่อ

และหนึ่งในประเภทภาพยนตร์ที่เอาคนดูอยู่หมัดก็คงหนีไม่พ้น เรื่องราวของเหล่าผู้รอดชีวิตในอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์เสี่ยงตาย บ่อยครั้งมักหยิบเอาเรื่องเครื่องบินตก แล้วผู้รอดชีวิตต้องดิ้นรนหาทางรอด มาเป็นพล็อต เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีไม่น้อย เพราะผู้ชมต้องพบการนั่งลุ้นว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะรอดรึไม่ อย่างไรก็ตาม หนังทั่วไปก็คงกล่าวถึงการต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดกับสภาพอากาศที่เลวร้าย บวกกับการขุดเข้าไปในด้านมืดของมนุษย์เพื่อสะท้อนอะไรบางอย่าง แต่ Society of the Snow กลับทำตรงข้าม

** เนื้อหานี้เป็นการเปิดเผยเรื่องราวในภาพยนตร์ **

การเดินทางสู่ความหวัง ที่ไม่เคยไปถึงจุดหมาย

ในวันที่ 12 ตุลาคม 1972 เครื่องบินของกองทัพอากาศอุรุกวัย เครื่องเช่าเหมาลำเที่ยวบิน 571 ออกจากมอนเตวิเดโอ ปประเทศอุรุกวัย โดยมีลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 40 คน เป็นนักกีฬารักบีสมัครเล่นสโมสร โอลด์ คริสเตียนกับเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว เพื่อเดินทางไปเล่นโชว์ที่ซานติเอโก ประเทศชิลี

นักกีฬารักบีสมัครเล่นสโมสร โอลด์ คริสเตียนกับเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว
นักกีฬารักบีสมัครเล่นสโมสร โอลด์ คริสเตียนกับเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว

ด้วยสภาพอากาศเลวร้ายทำให้เครื่องต้องจอดพักที่เมนโดซา ประเทศอาร์เจนตินาตลอดทั้งคืน บ่ายวันต่อมาก็ออกเดินทางตามปกติ โดยจะบินเลี่ยงใจกลางเทือกเขาแอนดีส ผ่านภูเขาลูกที่ต่ำกว่า แต่พอขึ้นบินสักชั่วโมงกว่า ๆ นักบินที่เข้าใจตำแหน่งของตัวเองผิดก็เริ่มบินต่ำ โดยได้รับอนุญาตจากศูนย์ควบคุมการบิน ทำให้บินไม่พ้นสันเขาชนกับภูเขาลูกหนึ่ง ปีกทั้งสองข้างและส่วนหางหลุดจากแรงกระแทก ส่วนหน้าของเครื่องไถลมาตามภูเขาแล้วหยุดในหุบเขาที่ระดับความสูงราว ๆ 11,500 ฟุต

การเดินทางสู่ความหวัง ที่ไม่เคยไปถึงจุดหมาย
การเดินทางสู่ความหวัง ที่ไม่เคยไปถึงจุดหมาย

ครั้งแรกที่สำรวจความเสียหายและสภาพรอบตัว คาเนสซา (หนึ่งในผู้รอดชีวิต) จำได้ว่าตัวเองเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย “ผมคิด ‘ผมจะต้องตื่น คงมีปุ่มที่ผมกดลงไปแล้วทุกอย่างจะจบลง'” เขาเล่า “แต่มันไม่มีปุ่มที่ว่า”

เมื่อต้องเอาชีวิตรอดอยู่ในกองหิมะกับซากเครื่องบิน

จากภาพเหตุการณ์เครื่องบินตกใน Society of the Snow การที่เครื่องบินกระแทกทำให้เครื่องบินเสียหายอย่างรุนแรง และการกระแทกส่งผลให้คร่าชีวิตคนไปถึง 12 คน เหลือผู้รอดชีวิตและได้รับบาดเจ็บรวม 33 คน ทีมรักบี้และผู้โดยสารคนอื่นที่รอดชีวิตนั้นก็เริ่มทยอยเสียชีวิตกันไปเรื่อย ๆ บ้างก็บาดเจ็บสาหัส บ้างก็หนาวตาย หลังจากนั้นอีก 5 คนก็ได้จากไปในคืนแรก

สัปดาห์ต่อมาผู้หญิงอีกคนก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ผู้รอดชีวิตที่เหลือ 27 คนต่างเชื่อว่า น่าจะได้รับการช่วยเหลือไม่วันใดก็วันหนึ่ง หากต้องอยู่ท่ามกลางความเย็นระดับต่ำกว่า 0 องศาเซลเชียสหรือจุดเยือกแข็งในยามค่ำคืน มีแค่ซากลำตัวเครื่องบินที่ใช้กระเป๋าเดินทางวางเรียงเป็นผนังเป็นที่พัก ต้องกินหิมะเพื่อไม่ให้ขาดน้ำ แบ่งปันส่วนอาหารกับไวน์ที่เจอในกระเป๋าสัมภาระซึ่งมีไม่มากนัก

เมื่อต้องเอาชีวิตรอดอยู่ในกองหิมะกับซากเครื่องบิน
เมื่อต้องเอาชีวิตรอดอยู่ในกองหิมะกับซากเครื่องบิน

คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน

หลังเกิดเหตุพวกเขาเห็นเครื่องบินกู้ภัยหลายลำบินผ่านไปมาอยู่หลายวัน แต่ไม่มีใครมองเห็นซากเครื่องบินสีขาวที่อยู่ท่ามกลางหิมะ ความสิ้นหวังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออาหารอันน้อยนิดหมดลงอย่างรวดเร็ว จนบางคนพยายามกินหนังต่าง ๆ ผู้คนที่มีชีวิตรอดเหลืออยู่นั้นใช้ส่วนกลางเครื่องบินเป็นที่อาศัยกันหนาว พอผู้คนทะยอยล้มตายผู้รอดชีวิตก็ช่วยกันนำไปฝังที่ใต้หิมะ พอผ่านไปราว 10 วัน พวกเขาได้เจอวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ยังใช้งานได้ ทำให้รู้ว่าปฏิบัติการค้นหาพวกเขานั้นถูกยกเลิก และพวกเขาถูกคาดหมายว่าเสียชีวิตแล้ว

คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน
คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน

ความหิวโหยประเดประดังเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็ถูกบีบให้ต้องกินศพ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ คาเนสซาที่ดูแลคนเจ็บและ “รับผิดชอบการขนศพ” เล่าว่า  “ผมบอกพวกเขา ‘นี่คือความคิดผมนะ ผมจะออกไปข้างนอก เฉือนศพเป็นชิ้น ๆ แล้วผมก็เคารพในสิ่งที่คนอื่น ๆ คิด'” แน่นอนว่าความเห็นนี้ถูกตัดไปในตอนแรก และเริ่มมีคนทะยอยเสียชีวิตไปตามกันเพราะความหิวโหย และความคิดเรื่องการกินศพได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งฉากสะเทือนใจอีกหนึ่งฉากที่ผู้ชมจะได้รับรู้ความรู้สึกจากหนังเรื่อง Society of the Snow

คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน
คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน

ถึงแม้ว่าการกินศพเป็นเรื่องที่ “น่าละอาย” และเป็นการ “ย่ำยี” ศักดิ์ศรีของเพื่อนร่วมทาง แต่เพื่อความอยู่รอด เขาต้องทำมันอยากสุดความสามารถ ในการกินเนื้อคนต้องห้ามปรุงแต่ง เผาหรือทำให้สุกเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เสียสารอาหาร หลายวันผ่านไปทำให้พวกเขาคิดว่าการกินศพกลายเป็นเรื่องปกติ

คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน
คนอยู่ คนตาย เป็นภาวะพึ่งพาอาศัยกัน

ระหว่างรอให้หิมะละลายในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง ความเลวร้ายก็ยังไม่จบสิ้น 29 ตุลาคม หรือ 17 วัน หลังจากเครื่องบินตก พวกเขาต้องเจอกับหิมะที่ถล่มต่อเนื่องจนกลบซากลำตัวเครื่องบิน มีคนเสียชีวิตอีก 8 ราย อีก 19 คนที่เหลือติดอยู่ข้างในถึง 3 วัน ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาต้องอาศัยร่างไร้ลมหายใจที่อยู่ข้าง ๆ เป็นอาหาร และ 1 เดือนหลังจากเครื่องบินตก มี 2 คน อาสาออกเดินจากซากเครื่อง เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แล้วก็ล้มเหลว เมื่อกลับมาก็พบว่ามีคนตายเพิ่มอีก

ต้องรอดและกลับบ้านไปให้ได้!

เมื่ออุณหภูมิขยับสูงขึ้น คาเนสซา, พาร์ราโด และอันโตนิโอ “ตินติน” วิซินติน อาสาทั้ง 3 คน ก็เดินทางข้ามภูเขาเพื่อไปหาความช่วยเหลือยังแหล่งชุมชนในชิลี ผ่านมา 3 วัน พวกเขาก็ถึงจุดสูงสุดของหุบเขา และได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในจุดที่ลึกมาก ๆ ของเทือกเขา ลึกกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก วิซินตินตัดสินใจกลับที่พัก เพื่อให้เพื่อน ๆ มีอาหารมากขึ้นสำหรับการเดินทาง คาเนสซากับพาร์ราโดไปต่อโดยมีถุงนอนที่ทำจากวัสดุกันกระแทกของเครื่องบิน ซึ่งช่วยให้รอดจากความหนาวสุดขั้วยามค่ำคืน

ต้องรอดและกลับบ้านไปให้ได้!
ต้องรอดและกลับบ้านไปให้ได้!

หลังการเดินทางแสนหฤโหดถึง 10 วัน พวกเขาไต่เขากว่า 35 ไมล์ ก็ได้เห็นพื้นที่ปศุสัตว์และวัวตัวหนึ่ง ทำให้พวกเขามีความหวัง ขณะที่กำลังจะล้มลงด้วยความอ่อนแรง พวกเขาก็เห็นคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งนั่งอยู่ที่อีกฝั่งของแม่น้ำ และเขาคนนั้นได้ช่วยเหลือเขาไว้ เมื่อรู้ว่าปลอดภัยแล้ว อย่างแรกที่คาเนสซาทำคือ ฝังสิ่งที่นำมาเป็นอาหารระหว่างการเดินทางที่ยังเหลืออยู่

ต้องได้รับการดูแลอย่างเคร่งครัดเพราะขาดน้ำ, กระดูกหัก, ขาดสารอาหาร
ต้องได้รับการดูแลอย่างเคร่งครัดเพราะขาดน้ำ, กระดูกหัก, ขาดสารอาหาร

พาร์ราโดเป็นคนบอกให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเฮลิคอปเตอร์ไปยังที่พักพวกเขา ซึ่งเป็นวันที่ 22 ธันวาคม แต่นำคนกลับมาได้แค่ 6 จาก 14 คน เท่านั้นเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย หากวันต่อมาคนที่เหลือก็ได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในซานติเอโก จาก 45 ชีวิต เหลือเพียง 16 ชีวิตเท่านั้นที่รอดมาได้ บางคนน้ำหนักเหลือแค่ครึ่งเดียวจากก่อนเกิดอุบัติเหตุ บางคนต้องได้รับการดูแลอย่างเคร่งครัดเพราะขาดน้ำ, กระดูกหัก, ขาดสารอาหาร, หิมะกัด และมีเลือดออกตามไรฟันเพราะขาดวิตามินซี

รู้รอดชีวิตทั้ง 16 คน จากเหตุการ์ณเครื่องบินตก
รู้รอดชีวิตทั้ง 16 คน จากเหตุการ์ณเครื่องบินตก

รู้รอดชีวิตจะกลับมารวมตัวกันทุกปีในวันที่ 22 ธันวาคม วันครบรอบการได้รับความช่วยเหลือ และยังคงเป็นพี่น้องพ้องเพื่อนกัน

และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่อง Society of the Snow (2024) กับความทรหดของผู้รอดชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตก สูญเสียเพื่อนและคนรอบข้าง แต่ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่จำกันไม่ลืม เพื่อน ๆ สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ที่ทาง Netflix